แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยบุกรุกเข้าไปกระทำอนาจารผู้เสียหายซึ่งนอนอยู่ในมุ้งภายในบ้านของ ล. ผู้เสียหายรู้สึกตัวตื่นขึ้นบัดมือจำเลยแล้วเรียกให้คนช่วย จำเลยจึงหลบหนีไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฏหมายหลายบท ไม่ใช่หลายกรรมต่างกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในบ้านของนางลมัยโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปได้ แล้วจำเลยได้นั่งทับ กอดปล้ำ กระทำอนาจารแก่เด็กหญิงขวัญใจอายุ ๑๓ ปีเศษ และขู่เข็ยไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือ ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๒๗๘, ๓๖๔, ๓๖๕ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๒๗๘, ๓๖๔, ๓๖๕ ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๙ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๗๘ อันเป็นบทหนักตามมาตรา ๙๐ ให้จำคุก ๑ ปี
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมอันเป็นกระทงความผิด
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องหรือลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วพิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทุกกรรมอันเป็นกระทงความผิด
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยมีเจตนาเพื่อกระทำอนาจารผู้เสียหายเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัวตื่นขึ้นก็เห็นจำเลยกระทำอนาจาร และการกระทำเช่นนั้นย่อมเป็นการส่อแสดงถึงความไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยของนางลมัย อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดฐานบุกรุก ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฏหมายหลายบท ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว พิพากษายืน