คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2942/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท แต่มีสิทธิใช้และมีหน้าที่บำรุงรักษาตามที่กรมตำรวจมอบหมาย เมื่อจำเลยกระทำละเมิดเป็นเหตุให้รถเสียหายใช้การไม่ได้ ในขณะที่โจทก์ครอบครองใช้สอยอยู่ ย่อมถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของโจทก์เกิดขึ้นแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของและผู้ขับขี่ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๑ ค-๗๑๒๔ กรุงเทพมหานคร จำเลยขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.บ.๐๘๔๘๙ โดยประมาทชนรถโจทก์ ทำให้รถโจทก์เสียหายต้องเสียค่าซ่อม ค่าเสื่อมราคา ค่าขาดการใช้สอยขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๑ค-๗๑๒๔ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายที่เรียกร้องสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๑๐,๕๕๓ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่เจ้าของรถยนต์นั้น ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่ารถยนต์หมายเลขทะเบียน ๑ค-๗๑๒๔ กรุงเทพมหานคร เป็นของกรมตำรวจมอบให้โจทก์ไว้ใช้โดยโจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบในการใช้และการบำรุงรักษา ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถพิพาท แต่โจทก์มีสิทธิใช้และมีหน้าที่บำรุงรักษาตามที่กรมตำรวจมอบหมาย เมื่อจำเลยกระทำละเมิดเป็นเหตุให้รถยนต์ดังกล่าวเสียหายใช้การไม่ได้ในขณะที่โจทก์ครอบครองใช้สอยอยู่ ย่อมถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของโจทก์เกิดขึ้นแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
พิพากษายืน

Share