คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7966/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลจะส่งความเห็นหรือข้อโต้แย้งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยและรอการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นไว้ชั่วคราวก็ต่อเมื่อคู่ความโต้แย้งว่าบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่ตามคำร้องของโจทก์อ้างแต่เพียงว่า การใช้ดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ออกหมายเรียกวัตถุพยานตามคำร้องของโจทก์ไม่ชอบด้วยหลักการของรัฐธรรมนูญ มิได้อ้างว่ามีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงมิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นจะส่งข้อโต้แย้งของโจทก์ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยและรอการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 101,986 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยทั้งสี่ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์ทั้งสองเพราะโจทก์ทั้งสองไม่มีพยานมาสืบ ส่วนจำเลยทั้งสี่ไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์ทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ทนายโจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องลงวันที่ 22 มกราคม 2541 อ้างว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตตามคำขอของโจทก์ทั้งสองที่ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกรถยนต์เป็นวัตถุพยานไม่ชอบด้วยหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จึงขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายเรียกวัตถุพยานดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง และต่อมาโจทก์ที่ 1 ยื่นคำร้องลงวันที่ 3 สิงหาคม 2541 ขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงคำสั่งและรอการพิจารณาคดีไว้ชั่วคราวเพื่อโจทก์จะได้ยื่นคำขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยข้อโต้แย้งนี้ ศาลชั้นต้นเห็นว่า กรณีไม่ใช่เหตุที่จะสั่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง และในวันนั้นซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์แถลงว่าไม่ได้จัดเตรียมพยานมาสืบเนื่องจากเห็นว่าศาลจะอนุญาต ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีได้เลื่อนมาหลายนัดแล้วจึงให้งดสืบพยานโจทก์และถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ จำเลยทั้งสี่แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีเป็นอันเสร็จการพิจารณาและพิพากษายกฟ้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ทั้งสองว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่ส่งข้อโต้แย้งของโจทก์ที่ 1 ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชอบหรือไม่ เห็นว่า ศาลจะส่งความเห็นหรือข้อโต้แย้งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยและรอการพิจารณาพิพากษาคดีนั้นไว้ชั่วคราวก็ต่อเมื่อคู่ความโต้แย้งว่า บทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ศาลจะใช้บังคับแก่คดีขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่ตามคำร้องของโจทก์อ้างแต่เพียงว่า การใช้ดุลพินิจของศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ออกหมายเรียกวัตถุพยานตามคำร้องของโจทก์ทั้งสองไม่ชอบด้วยหลักการของรัฐธรรมนูญ มิได้อ้างว่ามีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ จึงมิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นจะส่งข้อโต้แย้งของโจทก์ที่ 1 ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยและรอการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share