คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7219/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอ้างและขอคำสั่งศาลเรียกประวัติการตรวจรักษาของผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเป็นพยานเอกสาร เมื่อโรงพยาบาลส่งเอกสารมาแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานกระบวนการพิจารณาถึง 2 ครั้ง ให้จำเลยชำระค่าอ้างเอกสารเป็นพยาน แต่จำเลยไม่ชำระ ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ได้กล่าวแก้อุทธรณ์เป็นประเด็นว่าจำเลยไม่ชำระต่อศาล ในชั้นฎีกาโจทก์ก็กล่าวตั้งประเด็นในเรื่องนี้อีก จำเลยก็ยังไม่ชำระต่อศาล ดังนี้ แสดงว่าจำเลยจงใจไม่ชำระค่าอ้างเอกสารเป็นพยานตาม ตาราง 2 (5) ท้าย ป.วิ.พ. เอกสารดังกล่าวจึงเป็นพยานหลักฐานที่ได้ยื่นฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. ศาลชอบที่จะปฏิเสธไม่รับเอกสารนั้นไว้ และถ้ารับไว้แล้วก็ไม่ชอบที่จะรับฟังเอกสารนั้น ศาลจึงนำข้อความในเอกสารดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยไม่ได้
ส. กรอกข้อความหรือตอบคำถามจำเลยในใบคำขอเอาประกันชีวิตไปตามความเป็นจริง สัญญาประกันชีวิตระหว่าง ส. กับจำเลยจึงไม่เป็นโมฆียะ จำเลยไม่มีสิทธิบอกล้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๓๓๕,๖๒๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ส. รัตนเสริมทรัพย์ ได้ยื่นคำขอเอาประกันชีวิตต่อจำเลย โดยแถลงข้อความอันเป็นเท็จซึ่ง ข้อความดังกล่าวถือเป็นสาระสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรณ์ประกันภัย หากจำเลยทราบความจริงก็จะเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ทำสัญญาประกันชีวิตแน่นอน สัญญาประกันชีวิตรายนี้จึงเป็นโมฆียะ จำเลยมีหนังสือถึงโจทก์แจ้งบอกล้างสัญญาประกันชีวิตและปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งเป็นการใช้สิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิตภายในกำหนด ๑ เดือน นับแต่วันที่จำเลยทราบความจริง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๖ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกิน ๓๕,๖๒๕ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า…โจทก์ฎีกาข้อที่สองว่า นายสมชายเป็นคนมีสุขภาพดี มิได้ดื่มสุราเป็นประจำ ศาลจะนำ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในประวัติการตรวจรักษาของผู้ป่วยเอกสารหมาย ล.๓ ที่ระบุว่านายสมชายดื่มสุราเป็นอาจิณ มาประมาณ ๑๐ ปี มาประกอบการพิจารณาและฟังตามนั้นไม่ได้ เพราะแพทย์ผู้ตรวจรักษานายสมชายมิได้มาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว และจำเลยมิได้เสียค่าอ้างเอกสารเป็นพยาน พิเคราะห์แล้ว ประวัติการตรวจรักษาของผู้ป่วยเป็นพยานเอกสารที่จำเลยอ้างและขอคำสั่งศาลเรียกมาจากโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อโรงพยาบาลรามาธิบดีส่งเอกสารมายังศาลชั้นต้นแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาถึง ๒ ครั้ง ให้จำเลยชำระค่าอ้างเอกสารเป็นพยาน จำเลยทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วแต่ไม่ชำระ ในชั้นอุทธรณ์โจทก์ได้กล่าวแก้อุทธรณ์เป็นประเด็นว่าจำเลยไม่ชำระ ค่าอ้างเอกสารเป็นพยาน จำเลยก็มิได้นำค่าอ้างเอกสารเป็นพยานมาชำระต่อศาล ในชั้นฎีกาจำเลยก็ได้รับสำเนาฎีกาโจทก์ที่กล่าวตั้งประเด็นในเรื่องนี้อีกแต่จำเลยก็ยังไม่ชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าวต่อศาล พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยจงใจไม่ชำระค่าอ้างเอกสารเป็นพยานตามมาตรา ๒ (๕) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เอกสารหมาย ล.๓ จึงเป็นพยานหลักฐานที่ได้ยื่นฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลชอบที่จะปฏิเสธไม่รับเอกสารนั้นไว้ ถ้ารับไว้แล้วก็ไม่ชอบที่จะรับฟังเอกสารนั้น ศาลจึงนำข้อความในเอกสารดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยไม่ได้
การที่ ส. ระบุในใบคำขอเอาประกันชีวิตว่า ไม่เคยดื่มสุราเป็นประจำ เป็นการกรอกข้อความหรือตอบคำถามจำเลยไปตามความเป็นจริง สัญญาประกันชีวิตระหว่าง ส. กับจำเลยจึงไม่เป็นโมฆียะ
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share