คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กรมธรรม์ประกันภัยที่กำหนดเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายในทันทีภายใน 15 วัน นับแต่วันเกิดการสูญเสียหรือสูญหาย มิฉะนั้นผู้รับประกันภัยจะไม่รับพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ถือว่าเป็นข้อสาระสำคัญแห่งสัญญา แม้บริษัทผู้รับประกันภัยจำเลยจะไม่ยกเงื่อนไขเป็นข้อต่อสู้ในการเจรจาประนีประนอม แต่ก็หาได้ตัดสิทธิจำเลยที่จะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลไม่ เมื่อโจทก์มีหนังสือแจ้งค่าเสียหายให้จำเลยทราบเพียงครั้งเดียว โดยค่าเสียหายก่อนหน้านั้นโจทก์มิได้แจ้งให้จำเลยทราบ กรณีจึงมิได้เป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยมีสิทธิที่จะไม่รับพิจารณาใช้ค่าสินไหมทดแทนในความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน ๆ ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน ๔๒๕,๓๗๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๓๗๑,๒๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๓๖ จำเลยได้รับประกันภัยสิ่งปลูกสร้างและกำแพงรั้วซึ่งไม่รวมรากฐานไว้จากโจทก์ มีกำหนดระยะเวลาประกันภัย ๑ ปี โดยกรมธรรม์ประกันภัยขยายความคุ้มครองถึงความเสียหายจากภัยระเบิด ภัยแผ่นดินไหว ลมพายุ ภัยจากยวดยานพาหนะ ภัยจราจล การนัดหยุดงาน และภัยเนื่องจากการกระทำป่าเถื่อน เจตนาร้าย และภัยเนื่องจากไฟฟ้า โจทก์ได้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและกำแพงรั้วที่จำเลยรับประกันภัยให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ข.ส.ม.ก.) เช่าตามสัญญาเช่าอู่และลานจอดรถ ในระหว่างที่สัญญาประกันภัยมีผลคุ้มครองเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๓๗ กำแพงรั้วที่จำเลยรับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหายเนื่องจากถูกรถยนต์โดยสารประจำทาง ข.ส.ม.ก. ชน มิใช่เกิดจากการเสื่อมสภาพของวัตถุที่เอาประกันภัย โจทก์ได้แจ้งเหตุเกิดความเสียหายให้จำเลยทราบแล้ว ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในชั้นนี้มีว่า การที่กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดเงื่อนไขการรับประกันภัยไว้ ให้ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งให้ผู้รับประกันภัยทราบถึงการสูญหายหรือเสียหายในทันทีและภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันเกิดการสูญเสียหรือเสียหาย มิฉะนั้น ผู้รับประกันภัยจะไม่รับพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้นั้น ถือว่าเป็นข้อสาระสำคัญแห่งสัญญาหรือไม่ เห็นว่า เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นแก่วัตถุที่จำเลยรับประกันภัย ตามธรรมดาผู้รับประกันภัยต้องรับผิด เว้นแต่จะไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ การที่จำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับผิดในค่าเสียหายครั้งอื่น แม้จะไม่เป็นที่ชัดแจ้งว่าจำเลยอ้างเหตุใด แต่คงเป็นเหตุตามเงื่อนไขในกรมธรรม์นั่นเอง นอกจากนี้ จำเลยยินยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์อยู่แล้ว จึงให้ตัวแทนเจรจาเรื่องค่าเสียหายอย่างเดียว หากตกลงกันได้ก็ไม่จำเป็นต้องยกเงื่อนไขในกรมธรรม์ขึ้นต่อสู้ แต่จะอย่างไรก็ตาม การที่จำเลยไม่ได้ยกเงื่อนไขขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในการเจรจาประนีประนอม หาได้ตัดสิทธิจำเลยที่ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลไม่ และเห็นว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยข้อ ๖.๑ ให้เป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งเหตุการสูญเสียหรือเสียหายใด ๆ ให้ผู้รับประกันภัยทราบทันทีและภายในกำหนด ๑๕ วัน นั้น มีข้อกำหนดยกเว้นความรับผิดไว้ด้วยว่า ผู้รับประกันภัยจะไม่รับพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทน นอกจากผู้เอาประกันภัยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวจึงถือว่าเป็นข้อสาระสำคัญ…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share