คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2727/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รังนกในถ้ำตามเกาะเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ แต่บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยเข้ายึดถือเอา การที่ อ.ได้รับอนุญาตให้เก็บรังนกได้อันเป็นการได้รับผูกขาดจากรัฐบาลนั้น อ.ผู้รับผูกขาดมีสิทธิเพียงว่าถ้าประสงค์จะเก็บรังนกในถ้ำที่ผูกขาดก็เข้าเก็บเอาได้ ไม่ต้องมีการหวงห้ามเหมือนบุคคลผู้ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะมีกรรมสิทธิ์ได้ในรังนกนั้นยังจะต้องมีการเข้ายึดถือเอาอีกชั้นหนึ่งก่อนเมื่อผู้ที่เก็บรังนกรายนี้ไม่ใช่ลูกจ้างของ อ. และ อ.ยังมิได้เข้ายึดถือเอารังนกนั้นตามบทบัญญัติมาตรา 1318 แห่ง ป.พ.พ. อ.จึงยังมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรังนกรายนี้ การเก็บรังนกดังกล่าวไปจึงไม่เป็นการลักทรัพย์ของ อ. และเมื่อรังนกไม่ใช่ทรัพย์ที่ถูกลักมาจึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร
จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นเหตุอยู่ในลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา เมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่เป็นความผิด ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยทั้งสามได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๔ เวลากลางวันถึงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๓๔ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันลักรังนกอีแอ่นของนายอภิชาติผู้เสียหายไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓๕
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวล-กฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ วรรคแรก จำคุกคนละ ๓ ปี
จำเลยที่ ๒ และที่ ๔ อุทธรณ์
ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค ๓ จำเลยที่ ๔ขอถอนอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ อนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าจำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า รังนกในถ้ำตามเกาะเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ แต่บุคคลอาจได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์โดยเข้ายึดถือเอาการที่นายอภิชาติได้รับอนุญาตให้เก็บรังนกได้อันเป็นการได้รับผูกขาดจากรัฐบาลนั้น นายอภิชาติผู้รับผูกขาดมีสิทธิเพียงว่าถ้าประสงค์จะเก็บรังนกในถ้ำที่ผูกขาดก็เข้าเก็บเอาได้ ไม่ต้องมีการหวงห้ามเหมือนบุคคลผู้ไม่ได้รับอนุญาต แต่จะมีกรรมสิทธิ์ได้ในรังนกนั้นยังจะต้องมีการเข้ายึดถือเอาอีกชั้นหนึ่งก่อน ตามฟ้องและตามที่โจทก์นำสืบฟังได้ว่าผู้ที่เก็บรังนกรายนี้ไม่ใช่ลูกจ้างของนายอภิชาตินายอภิชาติยังมิได้เข้ายึดถือเอาซึ่งรังนกนั้นตามบทบัญญัติมาตรา ๑๓๑๘ แห่ง-ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นายอภิชาติจึงยังมิได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในรังนกรายนี้ การเก็บรังนกดังกล่าวไปจึงไม่เป็นการลักทรัพย์ของนายอภิชาติตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๕๕/๒๔๘๑ ระหว่างอัยการพังงา โจทก์นายยี่หมาด จำเลย เมื่อฟังว่ารังนกไม่ใช่ทรัพย์ที่ถูกลักมา จึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจร
จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ ถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ ๒ จึงเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ และที่ ๔ มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาเมื่อการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่เป็นความผิด ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยทั้งสามได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๓ ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๓และที่ ๔ ด้วย.

Share