แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ จะต้องเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการโดยทุจริต มิใช่ได้ทรัพย์ไปเพราะผู้อื่นยินยอมมอบให้เนื่องจากถูกหลอกลวง
การที่จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของผู้เสียหายเปลี่ยนเอาป้ายราคาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางซึ่งติดราคา 1,785 บาท ออก แล้วนำป้ายราคาโคมไฟอื่นซึ่งติดราคา 134 บาท มาติดแทน แล้วมอบให้พวกของจำเลยนำไปชำระราคาแก่พนักงานเก็บเงินของผู้เสียหาย มิใช่จำเลยเอาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางไปโดยพลการโดยทุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หากแต่เป็นการหลอกลวงพนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายโดยทุจริต โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ราคาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางมีราคา 134 บาท พนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายหลงเชื่อยินยอมมอบโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางให้จำเลย โดยรับเงินจากจำเลยไว้เพียง 134 บาท การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จอยู่ในตัว และจำเลยกระทำโดยมีเจตนาหลอกลวงพนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายให้ยินยอมมอบโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางให้จำเลยแล้ว จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง หาใช่จำเลยไม่มีเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ …./2542)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๓๘ เวลากลางวัน จำเลยกับนายพิชิต ฝุ่นจันทร์หรือฟุ่นจันทร์ทึก จำเลยที่ ๒ ในคดีหมายเลขแดงที่ ๕๓๔๓/๒๕๓๘ของศาลชั้นต้น ร่วมกันลักเอาโคมไฟตั้งโต๊ะ ๑ อัน ราคา ๑,๗๘๕ บาท ของบริษัทเอกชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างของจำเลยไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ (๗) (๑๑) วรรคสาม จำคุก ๓ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก ๒ ปี๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ จำคุก ๒ ปี ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสาม คงจำคุก ๑ ปี๔ เดือน
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชัยดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้เสียหายได้เปลี่ยนเอาป้ายราคาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางซึ่งติดราคา ๑,๗๘๕ บาท ออก แล้วนำป้ายราคาโคมไฟอื่นซึ่งติดราคา ๑๓๔ บาท มาติดแทน แล้วมอบให้จำเลยที่ ๒ ในคดีหมายเลขแดงที่ ๕๓๔๓/๒๕๓๘ ของศาลชั้นต้นนำไปชำระราคาแก่พนักงานเก็บเงินของผู้เสียหาย เป็นเหตุให้พนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายรับเงินชำระราคาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางไว้เพียง ๑๓๔ บาท แล้วมอบโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางให้พวกของจำเลยดังกล่าวไป
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ จะต้องเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยพลการโดยทุจริตมิใช่ได้ทรัพย์ไปเพราะผู้อื่นยินยอมมอบให้ เนื่องจากถูกหลอกลวง การที่จำเลยเปลี่ยนเอาป้ายราคาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางซึ่งติดราคา ๑,๗๘๕ บาท ออก แล้วนำป้ายราคาโคมไฟอื่นซึ่งติดราคา ๑๓๔ บาท มาติดแทน แล้วมอบให้พวกของจำเลยนำไปชำระราคาแก่พนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายจึงมิใช่เอาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางไปโดยพลการโดยทุจริต อันจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หากแต่เป็นการหลอกลวงพนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายโดยทุจริต โดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า ราคาโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางมีราคา ๑๓๔ บาท พนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายหลงเชื่อยินยอมมอบโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางให้จำเลย โดยรับเงินจากจำเลยไว้เพียง ๑๓๔ บาท อันเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเพียงแต่นำป้ายราคาโคมไฟอื่นที่ติดราคา ๑๓๔ บาทมาติดแทนที่ป้ายราคาที่แท้จริงของโคมไฟตั้งโต๊ะของกลาง เป็นเพียงอุบายเพื่อให้ได้โคมไฟตั้งโต๊ะของกลางมิได้มีเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จนั้น เห็นว่า การกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จอยู่ในตัว และจำเลยกระทำโดยมีเจตนาหลอกลวงพนักงานเก็บเงินของผู้เสียหายให้ยินยอมมอบโคมไฟตั้งโต๊ะของกลางให้จำเลยแล้ว หาใช่ไม่มีเจตนาแสดงข้อความอันเป็นเท็จดังที่โจทก์ฎีกาไม่
พิพากษายืน.