คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามคำให้การจำเลยต่อสู้เพียงว่า ลายมือชื่อผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีมิใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของบุคคลดังกล่าว หาได้ยกข้อต่อสู้เรื่องตราประทับสำคัญของบริษัทโจทก์ขึ้นต่อสู้ไม่ ทั้ง ๆ ที่จำเลยก็รับว่าได้เห็นสำเนาหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องไม่มีตราประทับสำคัญของบริษัทโจทก์ตั้งแต่ได้รับสำเนาคำฟ้องแล้ว ที่จำเลยยกปัญหาดังกล่าวขึ้นในศาลอุทธรณ์จึงเป็นคนละเรื่องกับที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวให้จึงชอบแล้ว
ตามสัญญามีข้อตกลงว่า ศ.ยอมให้โจทก์จำเลยในฐานะผู้รับสัญญาร่วมกันมีสิทธิเหนือพื้นดิน มีสิทธิที่จะพัฒนาที่ดินของ ศ.จำนวน 50 ไร่ และมีสิทธิจำหน่ายที่ดินได้ เพื่อเป็นการตอบแทนโจทก์จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระเงินให้ ศ.เป็นเงิน 30,000,000 บาท จำเลยได้ออกเงินร่วมลงทุนตามที่โจทก์ฟ้อง ทั้งตามสัญญาดังกล่าวก็ระบุชัดแจ้งว่า ถ้าการดำเนินงานในที่ดินมีผลกำไรหลังหักภาษีแล้วโจทก์จำเลยซึ่งเป็นผู้รับสัญญาตกลงแบ่งกำไรให้ ศ.ผู้รับสัญญาจำนวนร้อยละ 10ของกำไร ดังนี้ถือได้ว่า โจทก์จำเลยได้ตกลงเข้ากันเพื่อกระทำกิจการค้าที่ดินร่วมกันด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไร อันจะพึงได้จากกิจการที่ทำนั้น จึงเป็นการตกลงเข้าเป็นหุ้นส่วนกันตาม ป.พ.พ.มาตรา 1012 จำเลยจึงต้องร่วมรับผิดในค่าใช้จ่ายอันเกิดจากสัญญาดังกล่าวต่อโจทก์
กรณีของโจทก์จำเลยเป็นเรื่องหุ้นส่วนเรียกเงินทดรองจ่ายจากหุ้นส่วนด้วยกันไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตามป.พ.พ.มาตรา 193/30 เมื่อนับจากวันที่โจทก์ออกเงินทดรองจ่ายแทนจำเลยจนถึงวันฟ้องไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

Share