แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บิดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตร ได้ทำสัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินของบุตร กับที่ดินของโจทก์แต่ยังไม่ทันได้ร้องขออนุญาตต่อศาล บุตรก็ตายลงเสียก่อน ที่ดินของบุตรจึงตกเป็นมรดกได้แก่บิดา ดังนี้ โจทก์จะฟ้องบิดาให้โอนที่ดินนั้นให้แก่โจทก์ตามสัญญาย่อมไม่ได้ เพราะบิดาเป็นแต่เพียงผู้ทำสัญญาแทนเด็กและเมื่อสัญญายังไม่ผูกพันเด็ก ก็ย่อมไม่ผูกพันบิดา ผู้ซึ่งเป็นผู้รับมรดกด้วย
(ประชุมใหญ่) ครั้งที่ 9/2494
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๓ ปีมานี้ โจทก์ได้เอาที่นา ๑ แปลงแลกเอาที่บ้านของ ด.ช.พรมมี ด.ช.กอบแก้ว ผู้มีชื่อในโฉนด ซึ่งเป็นบุตรจำเลย ตกลงกันว่าจะไปโอนโฉนดให้เป็นกรรมสิทธิแก่โจทก์ภายหลัง และต่างได้ส่งมอบที่ดินให้กันแล้ว ต่อมา ด.ช.พรมมี ด.ช.กอบแก้วถึงแก่กรรมจำเลยไปขอรับมรดกใส่ชื่อจำเลยในโฉนด แล้วไม่ยอมโอนให้เป็นของโจทก์ โจทก์จึงขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้สัญญารายนี้จะไม่ได้รับอนุญาตจากศาลตามป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๕๔๖ จึงไม่ผูกพันเด็กก็ตาม แต่บัดนี้จำเลยมีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าาของทรัพย์แล้วสภาพแห่งมูลหนี้เปิดช่องให้บังคับการโอนได้ จึงพิพากษาให้จำเลยโอนที่พิพาทให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่าจำเลยได้ทำสัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินของ ด.ช.พรมมี ด.ช.กอบแก้วรายนี้กับโจทก์ ก็ในฐานะที่จำเลยเป็นบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กทั้งสอง จำเลยหาใช่คู่สัญญาโดยตรงกับโจทก์ไม่ ฉะนั้นโจทก์จะมาขอให้บังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาประดุจจะว่าจำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์โดยตรงย่อมไม่ได้ ส่วนในข้อที่ว่าเด็กทั้งสองได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว จำเลยเป็นผู้ได้รับมรดกที่ดินแปลงนี้และเปลี่ยนชื่อในโฉนดมาเป็นของจำเลยแล้ว จึงขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาโอนที่ดินให้กับโจทก์
สัญญารายนี้เป็นสัญญาจะแลกเปลี่ยนที่ดินของเด็กกับที่ดินของโจทก์ ตราบใดที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากศาล สัญญาก็ย่อมไม่ผูกพันเด็กตามมาตรา ๑๕๔๖ (๑) แห่งป.ม.แพ่งฯ แม้โจทก์จะฟ้องเด็ก ก็ยังฟ้องไม่ได้เสียแล้ว ไฉนจะกลับมีสิทธิฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นผู้รับมรดกให้ปฏิบัติตามสัญญารายนี้ อนึ่งคดีนี้ โจทก์มิได้ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดในฐานะที่จำเลยเข้าทำสัญญารายนี้โดยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็ก คดีจึงไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้อนี้
จึงพิพากษายืน