แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บุริมสิทธิ์ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้น ต้องเป็นการซื้อขายที่ลงทะเบียน และบอกลงทะเบียนไว้ด้วยว่าราคาหรือดอกเบี้ยในราคานั้นยังมิได้ชำระ
ย่อยาว
คดีนี้ ผู้ว่าคดีศาลแขวงลพบุรี เป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกง และขอให้จำเลยใช้เงินแก่นางสำเนียง จินดามณี ผู้เสียหายเป็นเงิน ๓๙,๐๐๐ บาท โดยกล่าวหาว่าจำเลยหลอกลวงขายที่นาของจำเลยแก่ผู้เสียหาย อ้างว่านาที่ขายมิได้จำนองผู้ใด ผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินให้จำเลยไป ๓๙,๐๐๐ บาท โดยทำหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายไว้ ต่อมาผู้เสียหายได้ทราบว่าจำเลยจำนองที่นาแปลงนี้ไว้แต่นายณรงค์ วาสนารุ่งโรจน์ ก่อนแล้ว นางสำเนียงร้องขอเป็นโจทก์ร่วมกับผู้ว่าคดี ศาลแขวงลพบุรี พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๓ เดือน และให้จำเลยใช้เงิน ๓๙,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ใช้เงินตามคำพิพากษา โจทก์ร่วมจึงขอบังคับคดีนำยึดที่นาซึ่งจำนองนายณรงค์เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้
นายณรงค์ยื่นคำร้องว่า นาที่โจทก์ร่วมนำยึด ซึ่งมีราคา ๗๕,๖๐๐ บาทนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องขัดทรัพย์แล้ว ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งแดงที่ ๑๓๕/๒๕๐๓ ของศาลจังหวัดลพบุรี ผู้ร้องได้ครอบครองมาตั้งแต่วันที่ศาลจังหวัดมีคำพิพากษาตลอดมาจนบัดนี้ โจทก์ไม่มีอำนาจยึด ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด
โจทก์ร่วมให้การคัดค้านว่า ที่ดินที่ยึดเป็นของจำเลย จำนองไว้กับผู้ร้องเมื่อ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๙๘ เป็นเงิน ๕๔,๔๐๐ บาท ต่อมา ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๐๑ จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินรายนี้ให้โจทก์ร่วม โดยหลอกว่ามิได้จำนองผู้ใด โจทก์ร่วมจ่ายเงินไปแล้ว ๓๙,๐๐๐ บาท ผู้ร้องรู้แล้วว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ร่วม ทั้งรู้ว่าที่ดินนี้มีราคามาก จำเลยสมรู้กับผู้ร้อง ให้ผู้ร้องฟ้องจำเลยต่อศาล แล้วทำยอมให้ที่ดินหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้ร้องเพื่อจะฉ้อโกงโจทก์ร่วม ที่ดินรายนี้มีราคา ๑๘๐,๐๐๐ บาท ผู้ร้องจึงอ้างคำพิพากษาในคดีนั้นมายันโจทก์ร่วมไม่ได้แม้ผู้ร้องจะได้สิทธิตามคำพิพากษา แต่ยังมิได้จดทะเบียนก็ใช้ยันโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้บุริมสิทธิพิเศษเหนือที่ดินรายนี้ไม่ได้ ขอให้ยกคำร้องเสีย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่ดินเป็นของผู้ร้อง ให้ถอนการยึด
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยไม่มีเค้ามูลว่าเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันแต่อย่างใด และโจทก์ร่วมก็นำสืบไม่ได้ว่าเป็นการสมยอมกัน ทั้งผู้ร้องก็ใช้สิทธิฟ้องบังคับจำนองโดยสุจริต ไม่รู้ว่าจำเลยขายที่ดินให้โจทก์ร่วมก่อนทำยอมต่อศาล โจทก์ร่วมจะขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความมิได้
ข้อที่โจทก์ร่วมฎีกาว่าหนี้ของโจทก์ร่วมเป็นหนี้เกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โจทก์ร่วมมีบุริมสิทธิพิเศษเหนือที่พิพาท จึงมีสิทธิยึดที่พิพาทมาขายทอดตลาดชำระหนี้นั้น เป็นการเข้าใจผิด เพราะมิใช่เป็นหนี้มีบุริมสิทธิและมิได้จดทะเบียนไว้ บุริมสิทธิในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์นั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๘๘ บัญญัติว่าต้องเป็นการซื้อขายที่ลงทะเบียนและบอกลงทะเบียนไว้ด้วยว่า ราคาหรือดอกเบี้ยในราคานั้นยังมิได้ชำระ หนี้ของโจทก์ร่วมไม่ใช่ราคาที่ค้างชำระ เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผู้ซื้อ ทั้งไม่มีการซื้อขาย และไม่ได้จดทะเบียน เป็นแต่เพียงสัญญาจะซื้อจะขาย ไม่มีบุริมสิทธิเหนือที่พิพาทอย่างใด จะอ้างเหตุนี้ยึดทรัพย์ของลูกหนี้ที่ได้โอนไปโดยชอบแล้วไม่ได้ ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน