แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยเข้าอยู่ในห้องเช่าของโจทก์ในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่า ผู้เช่าออกจากห้องเช่าไปแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจึงขอให้ขับไล่จำเลยต่อสิว่าจำเลยเป็นผู้เช่าเอง ดังนี้ ย่อมเป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าตามความหมายของป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 189(1) เช่นเดียวกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยเป็นบริวารของนางขันผู้เช่าห้องรายนี้ นางขันผู้เช่าได้อพยพไปจากห้องเช่ารายนี้แล้ว จำเลยคงอยู่โดยพละการเป็นการละเมิดสิทธิโจทก์
ศาลแขวงพระนครเหนือ พิพากษาขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ดำเนินคดีอย่างคดีมโนสาเร่แต่คดีของโจทก์เป็นคดีแพ่งสามัญและคำฟ้องอ้างว่าเป็นมูลละเมิด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาปัญหาข้อเดียวกัน
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องโดยกล่าวว่าจำเลยได้เข้าอยู่ในที่นี้ในฐานะเป็นบริวารของผู้เช่าเดิม ผู้เช่าออกไปไปแล้ว จำเลยไม่ยอมออกจึงเป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าตามความหมายแพ่ง ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๘๙(๑) เพราะถ้าผู้เช่าเดิมไม่ยอมออก เมื่อจำต้องออกตามกฎหมาย โจทก์ฟ้องขับไล่ตัวผู้เช่าเอง คดียังตกอยู่ภายใต้ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๘๙(๑) แล้ว โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบริวารของผู้เช่า ก็ย่อมเป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าตามความหมายของ ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา ๑๘๙(๑) เช่นเดียวกัน จึงเป็นคดีมโนสาเร่
คงพิพากษายืน