คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1399/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องบรรยายว่า จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง อันควรเป็นวิสัยของปรกติชนเป็นเหตุให้ชนรถยนต์ของผู้มีชื่อเสียหาย และทำให้คนที่นั่งมาบนรถถึงบาดเจ็บสาหัสและถึงตาย มิได้บรรยายว่าจำเลยประมาทโดยอาการอย่างไร และที่ว่ารถจำเลยชนรถยนต์ผู้มีชื่อก็ไม่บรรยายว่าชนถูกส่วนไหนอันจะเป็นทางให้เห็นว่าประมาทหรือไม่ ดังนี้ เป็นฟ้องไม่ชัดเจนพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องไม่ถูกต้องด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพศาลก็ต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยขับรถยนต์ลากไม้โดยประมาทปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้ชนรถยนต์จิ๊บของนายเจริญเสียหาย และทำให้ผู้มีชื่อบาดเจ็บสาหัส และถึงตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๒,๒๕๙,๓๓๘ (๒) พ.ร.บ.จราจร ๒๔๗๗ มาตรา ๒๙ ฯลฯ
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าจำเลยประมาทอย่างใด เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์บรรยายว่า “จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปรกติชน เป็นเหตุให้ชนรถยนต์จิ๊บของนายเจริญเสียหาย” คำว่า ประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปรกติชน นั้นเป็นคำกว้างมาก โจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยประมาทโดยอาการอย่างไร และที่ว่ารถจำเลยชนรถยนต์จิ๊บของนายเจริญ ก็ไม่ได้บรรยายว่าชนถูกส่วนไหน อันจะเป็นทางให้เห็นว่า ประมาทหรือไม่ ดังนี้ จึงเห็นว่าฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ ไม่ชัดเจน พอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ถูกต้องด้วยป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘ (๕) แม้ศาลจะได้ถามคำให้การจำเลย ๆ รับสารภาพและแถลงข้อเท็จจริงถึงการที่รถชนกันไว้ก็ดี ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่นำเอาคำของจำเลยมาประกอบฟ้องโจทก์ให้สมบูรณ์ขึ้นซึ่งเป็นการผิดวิธีพิจารณา จึงใช้ไม่ได้ จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share