คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยึดถือที่ดินไว้ทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้อันเป็นทางยึดถือแทนเจ้าของที่ดินนั้น อาจจะเปลี่ยนลักษณะการยึดถือ โดยบอกกล่าวไม่เจตนาจะยึดถือแทนต่อไปก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการถูกแย่งการครอบครอง เจ้าของที่ดินจะต้องฟ้องเสียภายใน 1 ปี นับแต่ได้รับบอกกล่าวให้ทราบเช่นนั้น
สามีผู้ยึดถือที่ดินของผู้อื่นในฐานะยึดถือทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ได้เอาที่ดินนั้นโอนทะเบียนยกให้ภรรยาของตนเสีย โดยเจ้าของที่ดินไม่ทราบ จนเมื่อเจ้าของที่ดินมาขอไถ่ที่ดินคืน จึงทราบเช่นนี้ เจ้าของที่ดินยังมีสิทธิฟ้องเอาคืนการครอบครองภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันทราบ
โจทก์ฟ้องเรียกคืนการครอบครองที่ดินจำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ฟ้องคดีขาดอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1375 เช่นนี้ จำเลยเป็นฝ่ายอ้าง จึงมีหน้าที่นำสืบว่าโจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้กู้เงินนายดัดสามีจำเลยมา ๑๐๐ บา มอบนาพิพาทมือเปล่าให้นายดัดทำต่างดอกเบี้ย ภายหลังนายดัดลักลอบไปทำสัญญาต่ออำเภอยกให้จำเลย โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม โจทก์เพิ่งทราบภายหลัง ได้ขอไถ่คืน นายดัดและจำเลยไม่ยอม ต่อมานายดัดตายจำเลยคงไม่ยอมให้ไถ่ จึงขอให้ศาลเพิกถอนสัญญายกให้เสีย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ขายนาพิพาทขายขาดให้แก่นายดัดหลายปีแล้ว และต่อสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ๑ ปี
ศาลชั้นต้นเชื่อข้อเท็จจริงตามคำพะยานโจทก์ จึงเห็นว่าจำเลยเข้าครอบครองนาพิพาทโดยอาศัยสิทธิทำนาต่างดอกเบี้ย ไม่ใช่สิทธิแย่งการครอบครอง จึงพิพากษา ให้โจทก์ชะนะ
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีขาดอายุความตามป.พ.พ.ม.๑๓๗๕ วรรคท้ายพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การยึดถือที่ดินไว้ทำกินต่างดอกเบี้ยนั้น อาจจะเปลี่ยนลักษณะการการยึดถือโดยบอกกล่าวไม่เจตนาจะยึดถือแทนต่อไปได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้วก็ย่อมถือได้ว่า เป็นการถูกแย่งการครอบครอง โจทก์จะต้องฟ้องเสียภายใน ๑ ปี นับแต่ได้รับบอกกล่าวให้ทราบเช่นนั้น
คดีนี้ เมื่อนายดัดทำสัญญาต่อำเภอยกที่ให้จำเลยนั้นโจทก์ไม่ทราบ นายดัดหรือจำเลยก็ไม่ได้บอกกล่าวให้โจทก์ทราบแต่อย่างไร ปรากฎว่าโจทก์เพิ่งทราบเมื่อโจทก์ไปขอไถ่นารายนี้คืนจากนายดัด ๆ ไม่ยอมให้ไถ่อ้างว่า ยกนาให้จำเลยแล้ว โจทก์ว่ไปขอไถ่เมื่อเดือน ๔ ขึ้นแรมไม่ปรากฎ พ.ศ.๒๔๙๒ โจทก์มาฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๔๙๓ ตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ คดีจึงยังฟังเอาเป็นแน่ไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องเกิน ๑ ปี นับแต่เมื่อทราบว่า ถูกแย่งการครอบครอง อีกประการหนึ่งข้อหาที่ว่าโจทก์ฟ้องเกิน ๑ ปี หรือไม่นี้ จำเลยเป็นฝ่ายอ้าง จึงมีหน้าที่ต้องนำสืบแต่ก็สืบไม่ได้ความแน่นอน คดีของโจทก์ยังไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่าเป็นการกู้เงินให้นายพิพาททำกินต่างดอกเบี้ยหรือขายขาดกันจึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยย้อนสำนวนไปให้ชี้ขาดข้อเท็จจริงแล้วพิพากษาใหม่

Share