แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภรรยาไปทำสัญญาประกันผู้ต้องหาไว้กับศาล แล้วผิดสัญญาถูกศาลสั่งปรับ สามีจึงยื่นคำร้องบอกล้างนิติกรรมสัญญาประกันโดยว่าเป็นโมฆียกรรม แต่ก่อนศาลจะมีคำสั่งประการใดสามีกลับถอนคำร้องเสีย ดังนี้ ต้องถือว่าเท่ากับไม่ได้ยื่นคำบอกล้างไว้ และถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันการกระทำของภรรยาไปในตัว ฉะนั้นในภายหลังสามีจะมาบอกล้างอีกไม่ได้
ย่อยาว
เรื่องนี้ เดิมพนักงานสอบสวนฝากขังนายดุสิต ผู้ต้องหา ศาลรับฝากขังไว้แล้ว นางผิวร้องขอประกัน ศาลอนุญาต ตีราคาหนึ่งหมื่นห้าพันบาท แล้วผิดสัญญาไม่ส่งตัวผู้ต้องหาแก่ศาล ๆ สั่งปรับนายประกัน ๆ อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุด
นายหมุยสามีนางผิว มาร้องขอเพิกถอนนิติกรรม ( สัญญาประกัน ) ที่นางผิวทำไว้ดังกล่าว
ถึงวันที่ศาลนัดสอบถาม นางผิดแถลงว่าเคยรับจ้างประกันมาแล้ว ได้ค่าจ้าง ๓๐๐ บาท และคดีนี้ก็ได้ค่าจ้าง ๓๐๐ บาท เมื่อนางผิวแถลงเช่นที่กล่าว นายหมุยผู้ร้องก็ถอนคำร้อง แต่ต่อมาอีกเดือนเศษ กลับยื่นคำร้องใหม่อีก มีข้อความซ้ำกับฉะบับเดิมทุกประการ อ้างว่าได้ยอมถอนคำร้องฉะบับแรกเพราะตกใจประหม่าต่อคำแถลงของนางผิวและต่อศาล
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
นายหมุยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายหมุยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้นางผิวมาทำสัญญากับศาล ๆ เป็นคู่สัญญากับนางผิวโดยตรง นางหมุยได้มายื่นคำร้องบอกล้าง ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งประการใด นายหมุยก็มาถอนคำร้องเสีย ซึ่งต้องถือว่าเท่ากับไม่ได้ยื่นคำบอกล้างไว้พฤติการณ์ทั้งนี้กลับเป็นการให้สัตยาบันการกระทำของนางผิวไปในตัว สัญญาประกันระหว่างนางผิวกับศาลสมบูรณ์แล้วจะบอกล้างอีกไม่ได้
คงพิพากษายืน