คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คนร้าย 2 คนสมคบกันไปลักทรัพย์เขาเมื่อลักได้แล้วพาทรัพย์หนี คนหนึ่งพาทรัพย์ออกพ้นจากบ้านเจ้าทรัพย์ ไปแล้ว อีกคนหนึ่งถูกพวกเจ้าพนักงานสกัดหน้าไว้ในบริเวณบ้านคนร้ายคนที่ถูกสกัดหน้า จึงทำร้ายคนที่สกัดหน้า มีบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ แสดงว่ากระทำร้ายเพื่อจะหลบหนี อันนับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อตัวคนร้ายคนนั้นเองโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับการสมคบกันมาลักทรัพย์แต่แรก คนร้ายคนที่ทำร้าย จึงมีผิดฐานชิงทรัพย์แต่ผู้เดียวส่วนคนร้ายคนที่พาทรัพย์พ้นบ้านไปแล้วนั้น คงมีผิดเพียงฐานลักทรัพย์เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งสองคนสมคบกันชิงทรัพย์ของนายสง ปล้องใหม่ไป ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๙,๓๐๐,๒๕๖
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๙,๓๐๐ ให้จำคุกนายแป้น ๙ ปี นายทุ่ม ๗ ปี ฯลฯ
จำเลยทั้ง ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตอนนายแป้นจำเลยที่ ๑ ทำร้ายพวกเจ้าทรัพย์นั้น นายทุ่มจำเลยที่ ๒ แบกโองวิ่งหนีออกไปนอกบ้านก่อนแล้ว ไม่ได้อยู่ช่วยเหลือหรือรู้เห็นเหตุการณ์ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ทำร้ายพวกเจ้าทรัพย์ จำเลยที่ ๑ คงผิดฐานชิงทรัพย์แต่ผู้เดียว ส่วนจำเลยที่ ๒ ผิดเพียงฐานลักทรัพย์ จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยที่ ๒ ผิดฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๓ ให้จำคุก ๑ ปี นอกนั้นยืน
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับนายทุ่มจำเลยนั้น ปรากฎว่าได้ลักพาโอ่งออกพ้นจากบ้านนายสงไปแล้ว ๆ นางสาวคราดกลับไปสกัดหน้านายแป้นจำเลยไว้อีก นายแป้นจึงทำร้ายนางสาวคราดแสดงว่านายแป้นทำร้ายเพื่อจะหลบหนี อันนับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อตัวนายแป้นโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับการสมคบกันมาลักทรัพย์แต่แรก ดังนั้นนายทุ่มจึงควรมีความผิดฐานลักทรัพย์ดังที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมา ส่วนนายแป้นจำเลยได้ทำร้ายนางสาวคราด เพื่อหลบหนีให้พ้นอาญาในความผิดที่ได้กระทำลง จึงต้องมีความผิดฐานชิงทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน

Share