แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องว่าจำเลยหลอกลวงให้เขาส่งทรัพย์ให้โดยมีเจตนาฉ้อโกง หรือมิฉะนั้นจำเลยคิดทุจจริตยักยอกทรัพย์ที่เขามอบให้  ขอให้ลงโทษตาม ม. 304,314 ดังนี้  ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฟ้องเรื่องยักยอกหรือฉ้อโกงโจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดมาถึงวันก่อนฟ้องเดือนเศษ  แม้ไม่ปรากฎว่ารู้เรื่องความผิดเมื่อไรก็ไม่เป็นฟ้อง  เคลือบคลุม.
ย่อยาว
ฟ้องโจทก์มีความว่า  ข้อ ๑  เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๔๘๗  เวลากลางวัน  จำเลยได้รับต่างหูเพ็ชร์  ๑ คู่ราคา ๓๕๐๐ บาท  ฯลฯของนางคำมูลไป  ข้อ ๒  วันเวลาใดไม่ปรากฎระหว่างวันที่ ๒๙  ธันวาคม ๒๔๘๗  ถึงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๔๘๙  จำเลยได้เอาทรัพย์รายนี้ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย  ทั้งนี้โดยเมื่อวันเวลาดั่งกล่าวในข้อ ๑ จำเลยได้มีเจตนาทุจจริตฉ้อโกงด้วยใช้อุบายหลอกลวงโดยเอาความเท็จมาแจ้งกล่าวว่ามีผู้ต้องการซื้อ  จำเลยจะเอาไปจัดการขายให้  นางคำมูลหลงเชื่อจึงส่งทรัพย์ให้หรือมิฉะนั้นระหว่างวันเวลาดังกล่าวในข้อ ๒ จำเลยได้มีเจตนาทุจจริตยักยอกทรัพย์รายนี้ที่นายคำมูลได้มอบไปให้จัดการขาย  ฯลฯ  ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔,๓๑๔.
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า  ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยบรรยายความผิดมาสองฐาน  และไม่ปรากฎวันกระทำผิดแน่ชัด พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า  ความผิดฐานฉ้อโกงและความผิดฐานยักยอกนั้น  ต่างก็เป็นเรื่องได้รับทรัพย์เขาไว้แล้วไม่คืน ต่างกันแต่ว่า  เจ้าของได้ส่งทรัพย์ให้ด้วยอุบายหลอกลวงหรือมอบให้ด้วยความพอใจให้เก็บรักษาทรัพย์นั้น  ซึ่งจะต้องพิเคราะห์ถึงเตนาประกอบการกระทำว่า  จะต้องด้วยความผิดลักษณะฐานใดหรือไม่ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายการกระทำผิด  ข้อเท็จจริงและรายละเอียดตามวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘  แล้ว และที่โจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดมาจนถึงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๘๙ ซึ่งเป็นเวลาก่อนฟ้องเพียงเดือนเศษนั้นข้อที่ไม่ปรากฎในฟ้องว่ารู้เรื่องความผิดเมื่อใด  ไม่เป็นเหตุให้ยกฟ้อง  พิพากษากลับ  ให้ยกคำพิพากษาศาลล่าง

