คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้เสนาธิการทหาร และข้าหลวงประจำจังหวัดเป็นผู้อำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหารสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาค เมื่อเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่แล้ว เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่นขึ้น กระทรวงกลาโหมก็ต้องรับผิดชอบตามความในป.ม.แพ่งฯ มาตรา 76 วรรคต้น ส่วนเสนาธิการทหารและข้าหลวงประจำจังหวัดไม่ต้องรับผิดชอบ ตามนัยของวรรค 2 แห่งมาตรา 76 นั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยที่ ๑ ใน พ.ศ.๒๔๘๙ ได้ดำรงค์ตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดกาญจนบุรี และได้รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการอำนวยการรับรองเลี้ยงดูส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี ตามคำสั่งทหารที่ ๑๐๗/๖๘๗๐ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๔๘๙ ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒-๓ โดยจำเลยที่ ๒ เป็นเสนาธิการทหารและเป็นประธานกองอำนวยการสันติภาพ ซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๓ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๘๙ จำเลยที่ ๑ ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการรับรองเลี้ยงดูทหาร ฝ่ายสัมพันธมิตรส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรีได้ตกลงทำสัญญาซื้อสิ่งของต่าง ๆ เพื่อเลี้ยงดูรับรองทหารฝ่ายสัมพันธมิตรกับโจทก์มีกำหนดอายุสัญญา ๑ เดือน คือในเดือนพฤษภาคม ๒๔๘๙ ครั้นจวนจะครบอายุสัญญาโจทก์ขาดทุนเพราะของขึ้นราคาไม่ประสงค์ต่ออายุสัญญาต่อไป จึงได้บอกเลิกสัญญาซื้อขายฉะบับลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๘๙ ต่อจำเลยที่ ๑ ๆ เห็นว่าถ้าจะเปิดการประมูลใหม่ รัฐบาลจะต้องเสียเงินอีกมากแพงกว่าฝ่ายโจทก์ จึงได้ขอร้องตกลงรับรองจะคิดเพิ่มราคาสิ่งของให้โจทก์เท่าที่โจทก์จัดหาซื้อตามราคาตลาดในขณะนั้น โจทก์จึงยอมตกลงและส่งสิ่งของต่อมาในเดือนมิถุนายน ๒๔๘๙ ปรากฎตามบัญชีท้ายฟ้องคิดเป็นเงินราคา ๓๖๘,๗๖๘ บาท ๕๕ สตางค์ โจทก์ได้รับเงินมาแล้ว ๑๐๐,๐๐๐ บาท คงเหลือค้างอีก ๒๖๘๗๖๘ บาท ๕๕ สตางค์ ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระให้ จึงขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันผิดใช้เงิน ๒๖๘๗๖๘ บาท ๕๕ สตางค์แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า เมื่อโจทก์ยืนยันว่าจำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒-๓ แล้ว ตัวแทนก็พ้นความรับผิดไปตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๘๒๐ และโจทก์นำสืบไม่ได้ว่ามีการตกลงเป็นข้อผูกพันในเรื่องเพิ่มราคาดังฟ้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิจะเรียกเงินตามที่กล่าวอ้างในฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำพยานโจทก์ส่วนปัญหาเกี่ยวแก่ความรับผิดชอบในคดีนี้นั้น เห็นว่ากิจการอันเป็นเหตุแห่งคดีเป็นงานของกระทรวงกลาโหมจำเลยที่ ๓ แต่ได้สั่งให้จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการแทน จำเลยที่ ๒ เป็นเสนาธิการทหาร และประธานกองอำนวยการสันติภาพ ขึ้นและอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๓ ส่วนจำเลยที่ ๑ เป็นข้าหลวงประจำจังหวัดกาญจนบุรีจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ มีหน้าที่รับฟังคำบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๑ โดยทางราชการ เมื่อจำเลยที่ ๓ ตั้งให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๑ เป็นผู้จัดการหรือผู้แทน และจำเลยที่ ๒ ที่ ๑ ได้กระทำการไปตามหน้าที่ เกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่บุคคลอื่น จำเลยที่ ๓ จำต้องรับผิดชอบเพื่อความเสียหายตามความในมาตรา ๗๖ วรรคต้นแห่ง ป.ม.แพ่งฯ ส่วนจำเลยที่ ๑-๒ ไม่ต้องรับผิดชอบตามนัยของวรรค ๒ แห่งมาตรา ๗๖ นั้นเพราะเป็นผู้กระทำการตามหน้าที่ มิใช่ว่ากระทำการไปนอกขอบเขตวัตถุประสงค์ของกระทรวงกลาโหมจำเลยที่ ๓
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยที่ ๓ รับผิดเงิน ๒๖๘๗๖๘ บาท ๕๕ สตางค์ให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย

Share