คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2058/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

อธิบดีกรมอัยยการย่อมสั่งให้บุคคลผู้มีตำแหน่งเป็นพนักงานอัยยการประจำในท้องที่จังหวัดหนึ่งไปดำเนินคดีในศาลอีกท้องที่หนึ่งได้ ตลอดจนถึงในชั้นศาลฎีกา แต่ไม่มีอำนาจสั่งให้ตำแหน่งอัยยการจังหวัดหนึ่งดำเนินคดีที่เกิดขึ้นในเขตต์จังหวัดอื่น
อัยยการผู้ลงชื่อในฟ้องฎีกามีตำแหน่งเป็นอัยยการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ดำเนินคดีที่ศาลจังหวัดกระบี่ โดยระบุว่าพนักงานอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีเป็นโจทก์ ดังนี้ อัยยการจังหวัดกาญจนบุรีเป็นโจทก์ฟ้องฎีกาไม่ได้.

ย่อยาว

ได้ความว่า คดีนี้เหตุเกิดในจังหวัดกระบี่ อัยยการจังหวัดกระบี่ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง แต่นายผ่องอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีลงชื่อในฟ้อง โดยอธิบดีกรมอัยยการได้โทรเลขถึงคณะกรมการจังหวัดกระบี่ให้นายผ่องมาดำเนินคดีนี้ และอธิบดีกรมอัยยการได้มีหนังสือแจ้งให้ศาลจังหวัดกระบี่ทราบเช่นกัน ต่อมานายผ่องได้ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องที่พนักงานอัยยการจังหวัดกระบี่เป็นโจทก์นั้น ให้เป็นว่า พนักงานอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นเป็นแต่สั่งให้รวมสำนวน ต่อมาตำแหน่งอัยยการจังหวัดกาญจนบุรีได้ถูกนำมาใช้เป็นโจทก์ในถ้อยคำในสำนวน โดยนายผ่องลงชื่อจนถึงชั้นฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยบางคน, ลงโทษจำเลยบางคน
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อัยยการจังหวัดกาญจนบุรีไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ พิพากษายกฟ้อง
อัยยการจังหวัดกาญจนบุรีฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.พนักงานอัยยการ ๒๔๗๘ มาตรา ๒๐ นั้น ซึ่งจะกล่าวฉะเพาะที่เกี่ยวแก่ศาลฎีกาแล้ว อธิบดีกรมอัยยการย่อมมีคำสั่งให้นายผ่องผู้ที่ระบุชื่อข้างต้นไปดำเนินคดีในศาลฎีกาได้ แต่อธิบดีกรมอัยยการย่อมทำไม่ได้ในการที่จะสั่งให้อัยยการจังหวัดกาญจนบุรีมาดำเนินคดีในศาลฎีกา การที่เป็นโจทก์ฟ้องฎีกาในคดีที่เกิดขึ้นในเขตจังหวัดกระบี่นั้น เป็นการที่อัยยการจังหวัดกาญจนบุรีทำไม่ได้ อัยยการจังหวัดกาญจนบุรีจึงเป็นโจทก์ฟ้องฎีกาไม่ได้
พิพากษายกฎีกาให้จำหน่ายคดีจำเลย ซึ่งไม่ได้รับสำเนาฎีกา.

Share