คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีภริยาได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันและทำบันทึกแบ่งทรัพย์สินให้ภริยาด้วยนั้น การแบ่งทรัพย์นี้ไม่ใช่คำนั่นว่าจะให้ แต่เป็นสัญญาแบ่งทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ชนะคดี นางประเทือง จำเลยที่ ๒ และได้นำยึดที่ดินและห้องแถว จำเลย ที่ ๒ ในฐานะผู้ปกครองจำเลยที่ ๓,๔,๕ บุตรร้องขัดทรัพย์ศาลจึงสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึด ความจริงทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒ ขอให้ศาลเพิกถอนนิติ กรรมระหว่างจำเลยที่ ๑, ๓, ๔, ๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำมั่นว่า จะให้ทรัพย์พิพาทแก่จำเลยที่ ๒ ตามหนังสือหย่ายังไม่ได้จดทะเบียน จึงไม่สมบูรณ์ จึงเลยที่ ๑ มีสิทธิยกให้จำเลยที่ ๓,๔, ๕ ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้เพิกถอนนิติกรรมที่จำเลยที่ ๑ ยกทรัพย์พิพาทให้จำเลยที่ ๓, ๔ และ ๕ เสีย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงระหว่างจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เมื่อหย่าขาดจากกันนั้น เป็นข้อตกลงแบ่งทรัพย์ระหว่างสามีภริยาไม่ใช่การให้โดยเสน่หา ข้อตกลงนั้จึงมิใช่คำมั่นว่าจะให้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๒๕ , ๕๒๖ ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ในขณะที่หย่ากันนั้นยังไม่ได้รับรองการทำประโยชน์ในที่ดินที่พิพาทซึ่งมีแต่สิทธิครอบครอง ฉะนั้น เมื่อจำเลยที่ ๒ ได้ครอบครองที่ดินและห้องแถวพิพาทตามข้อตกลงแบ่งทรัพย์ ที่ดินและห้องแถวก็ตกเป็นสิทธิแก่จำเลยที่ ๒ ตามที่ได้ครอบครอง โดยผลของข้อตกลงที่จำเลยที่ ๑ ยอมให้ทรัพย์พิพาทไปโอนยกให้จำเลยที่ ๓, ๔, ๕ ซึ่งความจริงก็ได้ความว่าเป็นการโอนระหว่างที่โจทก์ฟ้องคดีจำเลยที่ ๒ แล้ว และเป็นการโอนอยู่ดังเดิม พฤติการณ์ดังกล่าวนี้เป็นที่เห็นได้ว่า การที่จำเลยที่ ๒ ปล่อยให้จำเลยที่ ๑ โอนทรัพย์พิพาทให้บุตร โดยจำเลยที่ ๒ ครอบครองทรัพย์พิพาทแทนต่อไปนั้น เป็นการกระทำเป็นพิธีเพื่อป้องมิให้โจทก์บังคับคดีที่จำเลยที่ ๒ ถูกฟ้องในกาลต่อไป เท่านั้น เมื่อไม่มีการโอนการครอบครองแก่กัน ปัญหาเรื่องอายุความตามที่จำเลยก็ไม่เกิดขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share