แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีอาญามีปัญหาฉะเพาะข้อกฎหมายซึ่งศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริง ตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา เมื่อปรากฎว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริง โดยไม่มีคำพะยานในสำนวนสนับสนุน ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกข้อเท็จจริงขึ้นพิจารณาได้
ถ้ามีอัตราโทษจำคุกถึง 10 ปี ลำพังแต่คำรับสารภาพไม่ใช่คำพะยานหลักฐาน.
ย่อยาว
คดี ๖ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยโจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยทั้งนี้เป็นเจ้าของและมีข้าวเปลือกไว้ในครอบครองของแต่ละคนเกินกว่า ๑๐๐๐ เลียง แล้วไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บภายในกำหนดเวลา ขอให้ลงโทษจำเลยรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษปรับจำเลยตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้มีปัญหาฉะเพาะข้อกฎหมาย ซึ่งศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา คดีนี้ศาลอุทธรณ์ยกเอาคำสารภาพของจำเลยกับคำนายเปี่ยมพะยานโจทก์ปากเดียวมาฟังว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว แต่คดีนี้มีอัตราโทษจำคุกถึง ๑๐ ปีจะฟังคำรับสารภาพของจำเลยไม่เป็นพะยานหลักฐานได้ คำนายเปี่ยมก็มิได้ปรากฎว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นดังนี้ คำนายเปี่ยมก็ไม่เป็นพะยานหลักฐานในข้อที่ว่าจำเลยได้ทราบประกาศอีกที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยได้ทราบประกาศแล้ว จึงเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่มีคำพะยานในสำนวนสนับสนุน ศาลฎีกาจึงต้องยกข้อเท็จจริงขึ้นพิจารณาใหม่ และศาลฎีกาฟังว่าจำเลยไม่ได้ทราบประกาศ คดีไม่มีทางลงโทษจำเลยตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง