แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การขอนับโทษต่อ
หลักในเรื่องการนับโทษต่อจากสำนวนคดีเรื่องใด จะต้องปรากฎว่าคดีเรื่องนั้นศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไว้ก่อน แล้ว เมื่อศาลพิพากษาคดีเรื่องหลังจึงจะนับโทษต่อจากกำหนดโทษในสำนวนเรื่องก่อนได้ เมื่อสำนวนคดีเรื่องก่อนยังไม่ปรากฎว่าได้พิพากษา(ยังเป็นคดีดำอยู่) จึงไม่มีโทษอันใดที่ศาลจะไปนับต่อให้ได้ แม้จะเป็นความจริงตามข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่าคดีเรื่องก่อนนั้น ในเวลาต่อมา ศาลได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้วแต่ในสำนวนคดีเรื่องหลังก็ไม่ปรากฎว่าสำนวนคดีเรื่องก่อนได้พิพากษาลงโทษไปแล้วก่อนคดีเรื่องหลัง จึงนับโทษคดีเรื่องหลังต่อจากโทษในคดีเรื่องก่อนนั้นไม่ได้
ย่อยาว
เรื่อง ลักทรัพย์
ได้ความตามฟ้องและคำรับสารภาพของจำเลยว่า จำเลยล้วงกระเป๋าลักธนบัตร ๑๔ บาท ของนายวงศ์ไป จำเลยเคยต้องโทษจำคุก ๒ ปี ฐานชิงทรัพย์ พ้นโทษยังไม่เกิน ๓ ปี มาทำผิดคดีนี้อีก และจำเลยเป็นคนๆ เดียวกันกับจำเลยในคดีดำ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ เรื่องลักทรัพย์และคดีแดง ๑๑๐๗/๒๔๙๘ เรื่องหลบหนีการคุมขัง ของศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งโจทก์ขอให้ศาลนับโทษต่อจากคดีทั้ง ๒ เรื่องนั้นด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิด ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๘๘,๗๓,๕๙ โทษเพิ่มลดเสมอกัน คงให้จำคุก ๓ ปี ให้เงินของกลางและใช้เงินที่ยังขาด กับให้นับโทษต่อจากคดีดำ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ และคดีแดง ๑๑๐๗/๒๔๙๘ ของศาลแขวงพระนครใต้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เรื่องเพิ่มโทษและลดโทษต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๔ เพราะเป็นคุณแก่ผู้ทำผิด ผู้พิพากษาให้ลงโทษ ๓ ปี เพิ่มตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๗๓ กึ่งหนึ่งเป็น ๔ ปี ๖ เดือน ลด ม.๕๙ กึ่งหนึ่ง คงเป็น ๒ ปี ๓ เดือน ส่วนการนับโทษต่อจากคดีดำ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ นั้น นับต่อให้ไม่ได้ เพราะยังทราบไม่ได้ว่า จำเลยได้รับโทษในคดีนั้นหรือไม่ นอกจากนี้คงให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยในคดีเรื่องนี้ต่อจากคดีดำ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ ตามฟ้องของโจทก์ โดยยืนยันว่าสำนวนคดีเรื่องนั้น (คดีดำ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ ) ในเวลาต่อมาศาลแขวงพระนครใต้ได้พิพากษาลงโทษจำเลยไปแล้ว และเป็นคดีแดงที่ ๑๑๖๙/๒๔๙๘ ของศาลแขวงพระนครใต้
ศาลฎีกาเห็นว่าหลักในการนับโทษต่อจากสำนวนคดีเรื่องใด จะต้องปรากฎว่าคดีเรื่องนั้นศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยไว้ก่อนแล้ว เมื่อศาลพิพากษาคดีเรื่องหลังจึงจะนับโทษต่อจากกำหนดโทษในสำนวนเรื่องก่อนได้ ก็เมื่อสำนวนคดีอาญาดำ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ ยังไม่ปรากฎว่าได้พิพากษา จึงไม่มีกำหนดโทษอันใดที่ศาลจะไปนับโทษต่อให้ได้ แม้จะเป็นความจริงตามข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า “สำหรับคดีดำที่ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ นั้นในเวลาต่อมา ศาลแขวงพระนครใต้ได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๓ ปี ดังปรากฎตามสำนวนคดีอาญาแดงที่ ๑๑๖๙/๒๔๙๘ ของศาลแขวงพระนครใต้ก็ดี ตามสำนวนก็ไม่ปรากฎว่า สำนวนคดีอาญาดำที่ ๑๑๑๓/๒๔๙๘ ได้พิพากษาไปแล้วก่อนคดีเรื่องนี้ จึงนับต่อให้ไม่ได้
อนึ่งตาม พ.ร.บ.ล้างมลทิน ฯ พ.ศ.๒๔๙๙ ม.๓ เป็นเหตุให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๗๓ ไม่ได้ เพราะ พ.ร.บ.นั้นได้ล้างมลทินให้แก่จำเลยสิ้นไปแล้ว
ศาลฎีกาพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๓ ปี ลดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา ๕๙ กึ่งหนึ่ง คงเหลือ ๑ ปี ๖ เดือน คำขอเรื่องเพิ่มโทษให้ยกเสีย นอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์