คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1321/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ จำเลยต่อสู้ว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นโมฆะ เพราะนำเอาจำนวนเงินดอกเบี้ยซึ่งเรียกเกินจากอัตราที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้มาทำกันขึ้นจำเลยย่อมนำสืบได้ ไม่ต้องห้าม

ย่อยาว

เรื่อง กู้ยืม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จากจำเลย รวมต้นเงินและดอกเบี้ย ๑๓๑๐ บาท
จำเลยต่อสู้ว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นโมฆะเพราะนำเอาจำนวนเงินดอกเบี้ยซึ่งเรียกเกินจากอัตราที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้มาทำกันขึ้น หากจะฟังว่าจำเลยได้กู้เงินของโจทก์ไปจริง จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยทั้งหมด เพราะหลังจากทำสัญญากู้แล้ว โจทก์ได้ซื้อกระบือจากจำเลย ๑ ตัวราคา ๖๐๐ บาท และจ้างจำเลยนำช้างไปลากไม้ค่าจ้าง ๕๐๐ บาท ยังไม่ได้ชำระให้จำเลยขอให้หักกลบลบหนี้กัน
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานทั้ง ๒ ฝ่าย โดยเห็นว่า จำเลยจะนำสืบให้พ้นผิดจากสัญญากู้ไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ วรรค ๒ ส่วนที่จำเลยขอให้หักกลบลบหนี้ หนี้ที่จำเลยอ้างไม่แน่นอน ทั้งจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้ง ยังหักกลบลบหนี้ไม่ได้ตาม ป.พ.พ.มาตรา ๓๔๔ พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินและดอกเบี้ยตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้ต่อสู้ว่าสัญญากู้เกิดจากเอาดอกเบี้ยที่เรียกเกินอัตราที่กฎหมายห้ามไว้มาทำเป็นสัญญากู้รายนี้ ก็เท่ากับจำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้เป็นโมฆะ จำเลยจึงสืบหักล้างเอกสารสัญญากู้ได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.๙๔ วรรค ๒ ส่วนหนี้ที่จำเลยจะขอหักกลบลบหนี้ โจทก์ยังมิได้ปฏิเสธหรือรับรอง ควรจะได้สอบถามความข้อนี้จากคู่ความก่อน พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นโมฆะ เพราะนำเอาเงินจำนวนเงินดอกเบี้ยซึ่งเรียกเกินจากอัตราที่กฎหมายบัญญัติห้ามไว้มาทำกันขึ้น จำเลยย่อมนำสืบได้ ไม่ต้องห้าม พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share