แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ในคดีอนาถาขอเสียเงินค่าธรรมเนียม เจ้าพนักงานลืมเรียกค่าอ้างพินัยกรรม์มารู้กันภายหลังที่ศาลพิพากษาแล้ว โจทก์ก็ขอชำระค่าอ้างให้ถูกต้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1033/82)
ศาลมีอำนาจที่จะฟังข้อเท็จจริงเป็นยุตติและงดไม่สืบพะยานที่คู่ความร้องขอสืบได้
บัญชีทรัพย์ที่ผู้ตายทำขึ้นนั้นไม่มีกฎหมายบังคับว่า ผู้ตายจะต้องลงชื่อกำกับไว้ด้วย
เจ้าของที่ดินย่อมตีราคาที่ดินของตนได้ตามราคาที่ตนพอใจ เจ้าของห้องแถวบนที่ดินนั้นจะขอให้ศาลกะราคาที่ดินเพื่อบรรเทาความเสียหายของตนนั้นไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมฤดกจากจำเลยตามพินัยกรรม์ของผู้ตายซึ่งเป็นภรรยาจำเลย
จำเลยให้การต่อสู้ในเรื่องจำนวนทรัพย์สินเดิมและสินสมรสและตัดฟ้องว่า พินัยกรรม์นี้ทำขึ้นเมื่อผู้ตายไม่มีสติหรือตายแล้วทั้งได้มีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยฎีกาโดยลำดับ ดังนี้
(๑) การที่โจทก์มาเสียค่าอ้างพินัยกรรม์ภายหลังที่ศาลพิพากษาคดีนั้น เมื่อปรากฎว่า ในชั้นแรกโจทก์ขอว่าความอย่างคนอนาถา ครั้นเมื่อโจทก์หาเงินมาได้ และขอเสียค่าธรรมเนียมพนักงานศาลพลั้งเผลอมิได้เรียกฉะเพาะค่าอ้างนี้ มารู้กันภายหลัง และโจทก์ก็ได้ชำระให้เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ เป็นหลักฐายอันชอบ
(๒) ข้อที่ขอให้ศาลเรียกนายละอองผู้พิพากษามาสืบในฐานะเป็นผู้รู้เห็นในพินัยกรรม์นั้น ปรากฎว่าตามสำนวนฟังได้ชัดเจนแล้วว่า พินัยกรรม์นี้เป็นพินัยกรรม์ที่ทำขึ้นโดยถูกต้องและได้ส่งเป็นหลักฐานไว้ต่อศาลแล้วศาลมีอำนาจงดไม่สืบนายละอองได้
(๓) บัญชีทรัพย์ที่ผู้ตายทำขึ้นนั้น ไม่มีกฎหมายบังคับว่าผู้ตายจะต้องลงชื่อ เมื่อโจทก์มีพะยานประกอบมั่นคง ย่อมพอฟังได้
(๔) จำเลยขอให้ตีราคาที่ดินสินเดิมพอสมควรเพื่อขายรวมกับห้องแถวสมรส (ที่ต้องแบ่ง) เพื่อมิให้เสียหายแก่จำเลยมากนั้น ต้องแล้วแต่โจทก์ ถ้าโจทก์ไม่ยอม ก็ย่อมบังคับให้โจทก์ขายที่ดินในราคาที่โจทก์ไม่สมัครไม่ได้
(๕) การแบ่งสมรสและหักสมรสใช้สินเดิม จำเลยมิได้อุทธรณ์โดยชัดแจ้ง เป็นแต่กล่าวว่าศาลชั้นต้นพิพากษาคลาดเคลื่อนศาลอุทธรณ์จึงไม่แก้ไข นับเป็นเรื่องที่จำเลยมิได้ว่ากล่าวรักกันมาในชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้
พิพากษายืน