แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลย่อมมีอำนาจที่ระบุไว้ในคำพิพากษานั้นด้วยว่า ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 (3) ไม่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำฟ้อง และไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 เพราะมาตรา 142 กับมาตรา148 นั้น ต้องพิจารณาประกอบกัน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยที่ ๑ ผู้กู้ และจำเลยที่ ๒ ผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าไม่ได้ยืมเงินโจทก์ แต่ยืมเงินของบริษัทค้าสัตว์ทหาร สามัคคีจำกัด โจทก์เพิ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลภายหลัง จากกู้เงินรายนี้ โจทก์ ไม่มีอำนาจฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่า เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้ลูกหนี้ โดยจำเลยที่ ๒ ไม่รู้เห็นด้วย จึงพ้นความรับผิด
เมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน ฟังจำเลยที่ ๑ กู้เงินจากบริษัทค้าสัตว์ ฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๔๙๘ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน บริษัทโจทก์เพิ่งจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลภายหลังการกู้เงินรายนี้ ผู้จัดการบริษัทโจทก์เบิกความว่า บริษัทค้าสัตว์ฯ ได้เลิกกิจการให้ฟ้องถึงการโอนดังที่พยานโจทก์เบิกความ การนำสืบของโจทก์ในข้อนี้จึงนอกประเด็น ศาลชั้นต้นจึงวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่วินิจฉัยประเด็นอื่น พิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิของโจทก์จะฟ้องคดีใหม่
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่า ที่ศาลพิพากษาว่าไม่ตัดสิทธิโจทก์จะฟ้องคดีได้ใหม่นั้น ไม่ถูกต้อง ชอบที่จะยกฟ้อง โดยไม่มีเงื่อนไขให้ฟ้องใหม่
ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่า เรื่องนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องโดยไม่ได้ ตั้งข้อหาเรื่องรับโอนหนี้จากบริษัทเจ้าหนี้ของจำเลย แต่มูลหนี้ที่โจทก์รับโอนมามีอยู่ ศาลแพ่งยังไม่ได้วินิจฉัยว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือประการใด ฉะนั้น คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่กล่าวว่า ไม่ตัดสิทธิโจทก์จะฟ้องใหม่ จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ว่า ไม่ตัดสิทธิโจทก์จะฟ้องใหม่ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒
ศาลฎีกาเห็นว่า ในกรณีที่ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งในยกฟ้องโจทก์นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ (๓) บัญญัติรับรองให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งไว้ด้วยว่า ไม่ตัดสิทธิมีจะนำคดีมายื่นฟ้องใหม่โดยไม่มีเงื่อนไขหรือวางกฎเกณฑ์ไว้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าวได้ภายในเงื่อนไขหรือกฎหมายเกณฑ์อย่างใด จึงเป็นการให้อำนาจศาลในกรณีที่ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์ที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งดังกล่าว แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร คดีนี้ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยจะมีความรับผิดต่อโจทก์ในหนี้สินรายที่โจทก์ฟ้องนี้หรือไม่ เป็นแต่วินิจฉัยในเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า
ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ (๓) และไม่ขัดประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ เพราะมาตรา ๑๔๒ ห้ามมิให้พิพากษาหรือทำคำสั่งให้สิ่งใด ๆ เกินไปกว่า หรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง เว้นแต่จะต้องด้วยข้อยกเว้นอันบัญญัติไว้ในมาตรานั้น แต่เมื่อมีมาตรา ๑๔๘ ให้อำนาจศาลไว้ดังกล่าวแล้ว ก็ต้องพิจารณามาตรา ทั้งสองที่ประกอบกัน และถือว่าการสั่งให้ฟ้องได้ใหม่ตามมาตรา ๑๔๘ หาใช่เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำฟ้อง ไม่ พิพากษาตามศาลอุทธรณ์