แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือรวม 43 ฉะบับ แต่มิได้ส่งสำเนาให้จำเลย และมิได้ระบุรายละเอียดว่า ฉะบับไหนใครทำ และทำเมื่อใด แม้โจทก์จะได้ระบุไว้ในฟ้องว่า จะส่งเอกสารในวันพิจารณาก็ดี แต่เมื่อจำเลยคัดค้านโจทก์ก็ยังยืนยันตามฟ้องเดิมไม่ส่งเอกสารเพิ่มเติมดังนี้ ต้องถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ ๙ คุลาคม ๒๔๘๕ ถึงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๔๘๖ เวลากลางวันและกลางคืนตลอดมา จำเลยรับราชการตำแหน่งหัวหน้ากองสัตว์รักษ์ฯ ได้เบิกและรับเงินค่าใช้สร้อยทดลองราชการประเภทค่าพาหนะไปเพื่อซื้อไม้สำหรับทำคอกสัตว์เป็นเงิน ๑๕๒๗๑ บาท จเลยไม่ได้จ่ายเงินตามหลักฐานราชการที่ได้รับอนุญาต กลับใช้จ่ายซื้อสิ่งของและกิจการอย่างอื่นฝ่าฝืนนอกเหนือ และบังอาจกระทำและจัดให้ผู้อื่นกระทำใบสำคัญรับเงินค่าเช่าเรือยนต์พร้อมด้วยน้ำมันอันเป็นหนังสือราชการปลอมขึ้น ๔๓ ฉะบับ ซึ่งจะได้ส่งศาลในวันพิจารณาโดยจำเลยตั้งใจจะให้เป็นหนังสือราชการที่แท้จริงแสดงว่าบุคคลผู้มีชือเป็นผู้รับเงินในใบสำคัญเหล่านั้น ซึ่งความจริงบุคคลผู้มีชื่อในใบสำคัญนั้นไม่มีตัวจริง และจำเลยได้นำใบสำคัญปลอมดังกล่วแล้วไปใช้แก่กรมปสุสัตว์ว่าเป็นใบสำคัญอันแท้จริง ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา ม. ๒๒๒, ๒๒๓, ๒๒๔, ๒๒๗
จำเลยให้การปฏิเสธความผิด และต่อสู้ว่า ฟ้องว่าโจทก์เคลือบคลุม ไม่ระบุให้ชัดเจนว่า จำเลยใช้จ่ายซื้อสิ่งของในกิจการอะไรบ้าง ไม่บรรยายความสำคัญของเอกสารทั้ง ๔๓ ฉะบับว่า ฉะบับไหนจำเลยทำฉะบับไหนให้ผู้อื่นทำ และไม่ระบุว่า ผู้อื่นนั้นเป็นใคร ไม่มีทางที่จำเลยจะเข้าใจข้อหา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา, ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำหนังสือปลอมและจัดให้ผู้อื่นกระทำหนังสือปลอมรวม ๔๓ ฉะบับด้วยกัน แต่ละฉะบับไม่ได้ส่งสำเนาให้จำเลยทราบ ปล่อยให้จำเลยเข้าใจเอาเองว่า เอกสารทั้ง ๔๓ ฉะบับนั้นมีข้อความอย่างใดและทำขึ้นโดยใคร เมื่อใด ซึ่งจำเลยไม่อาจทราบได้เอง แม้โจทก์จะได้ระบุไว้ว่าจะส่งเอกสารในวันพิจารณา แต่เมื่อจำเลยคัดค้านแล้ว โจทก์ก็ยังไม่ส่ง คงยืนยันไม่ยอมบรรเทาฟ้องอย่างใดอีก จึงเป็นการเอาเปรียบไม่เปิดโอกาสให้จำเลยแก้ตัวว่า ความจริงจะเป็นดังโจทก์กล่าวอ้างหรือไม่ เพราะไม่ให้ทราบความในเอกสารนั้น จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม ไม่บรรยายข้อเท็จจริงให้พอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ตาม ป.ม.วิ.อาญา ม. ๑๕๘(๕) ลงพิพากษายืน