คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มารดาร้องขัดทรัพย์แทนบุตรสาลชี้ขาดว่าทรัพย์นั้นเปนของจำเลยและว่ามารดาไม่มีสิทธิร้องแทนบุตรเมื่อบุตรบันลุนิติภาวะแล้ว มาร้องขัดทรัพย์อีกไนประเด็นหย่างเดียวกับที่มารดาร้องขัดทรัพย์ดังนี้ ถือว่าคดีเส็ดเด็ดขาดแล้วจะมาร้องขัดทรัพย์ไหม่ไม่ได้.

ย่อยาว

คดีได้ความว่าผู้ร้องได้ไห้นางยิ่วมารดายื่นคำร้องขัดทรัพย์ไหถานะเปนผู้ปกครองผู้ร้องในสำนวนคดีแพ่ง+แดงที่ ๒๒๕/๒๔๘๕ ของสาสจังหวัดตรัง คัดค้านวันที่สวนที่โจทนำยึดไม่ไช่ของจำเลยซึ่งสาลได้พิพากสาถึงที่สุดแล้ว ต่อมาผู้ร้องบันลุนิติภาวะจึงมายื่นคำร้องขัดทรัพย์เปนคดีนี้โดยตนเองขอไห้ถอนการยึดที่สวนที่โจทนำยึดนี้อีก สาลชั้นต้นเห็นว่าเปนการร้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกดหมายวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา + พิพากสาไห้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่าคดีก่อนสาลยังหาได้พิจารนาไนประเด็นข้อที่ผู้ร้องว่าผู้ร้องและมารดาถือสิทธิครอบครองที่ตลอดมานั้นไม่ จึงไม่ไช่ร้องซ้ำพิพากสาไห้ยกคำพิพากสาลชั้นต้น ได้สาลชั้นต้นพิจารนาไห้สิ้นกะแสความแล้วพิพากสาไปตามรูปคดี
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าคดีนี้และคดีก่อนมีประเด็นหย่างเดียวกันหยู่ที่ว่าควนสั่งปล่อยทรัพย์ ที่ยึดตามคำร้องของผู้ร้องหรือไม่ เหตุที่ผู้ร้องอ้างไนคดีก่อนนั้น ก็คือว่าที่ดินนั้นไม่ไช่ของจำเลย หากเปนของผู้ร้อง และสาลก็ได้ชี้ขาดคดีถึงที่สุดไนประเด็นและเหตุที่อ้างนี้แล้วว่าที่ดินที่ยึดยังคงเปนของจำเลยหยู่ ไม่ไช่ของผู้ร้อง ฉนั้นผู้ร้องจะมายื่นคำร้องขอไห้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดนี้โดยอาสัยเหตุหย่างเดียวกันว่าที่ดินไม่ไช่ของจำเลยหากเปนของผู้ร้องอีกดังนี้ หาได้ไม่ แม้จะเปลี่ยนข้ออ้างไนกดหมายที่ผู้ร้องได้เปนเจ้าของที่ดินนั้นก็ดี เปนการรื้อร้องคดีที่สาลได้พิพากสาถึงที่สุดไนประเด็นที่ได้วินิฉัยโดยอาสัยเหตุหย่างเดียวกันต้องห้ามตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความแพ่งมาตรา ๑๔๘ ที่ผู้ร้องโต้แย้งว่ามารดาไปร้องขึ้นโดยไม่มีอำนาดจะทำอะไรก็ไม่มีผลไนคดีนั้นปรากตว่าสาลชั้นต้นหาได้ยกคำร้องนั้นโดยอาสัยเหตุข้อนี้แต่ข้อเดียวไม่ สาลชั้นต้นได้รับคำร้องทำการพิจารนาและวินิฉัยประเด็นข้อพิพาทจนถึงที่สุดเด็ดขาดแล้วข้อโต้แย้งจึงฟังไม่ขึ้น จึงไห้ยกคำพิพากสาสาสอุธรน์บังคับคดีตามคำพิพากสาลชั้นต้น.

Share