คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2486

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไนคดีหาว่าร้องเรียนเท็ดและเบิกความเท็ดนั้น ไนฟ้องต้องระบุมาด้วยว่าความจิงเปนหย่างไร มิฉนั้นเปนฟ้องเคลือบคลุม.

ย่อยาว

โจทฟ้องว่ามีโคประมาน ๒๕ ตัวเข้าเหยียบย่ำที่สวนและกัดกินต้นไม้ของหลวงสิทธิเทพการ เสียหายนายยู่อี่ผู้จัดการดูแลสวนได้จัดไห้โจทไล่โคไปไว้ที่บ้านนางฉิ่ง เพื่อยึดไว้เปนประกันและหาเจ้าของ จำเลยสมคบกันมีเจตนาทุจริตกล่าวคือ
ก. กำลังโจทไล่โคไปตามทางจำเลยกลับหาว่าโจทลักโค นายพิมพ์เปนผู้สั่งไห้ตีจับโจท นายแป๊ะจำเลยเอาไม้หลาวแทงนายเสียงโจทมีบาดเจ็บที่แขนและที่หลังฟกบวม แล้วช่วยกันจับโจทส่งหมื่นเนียรกำนันแจ้งความเท็ดว่าโจทเปนผู้ร้ายลักโค ๗๐ ตัว
ข. ต่อมาจำเลยเอาความที่รู้หยู่ว่าเปนเท็ดอาดทำไห้ผู้อื่นเสียหายมาแจ้งต่อสถานีตำหรวดหาว่าโจทกับพวกมาลักโค ๗๐ ตัวไป จำเลยออกติดตาม นายเสียงโจทเอาไม้ตีนายแป๊ะจำเลยบาดแผลฟกบวมจนเปนเหตุไห้เจ้าพนักงานหลงเชื่อดังโจทและฟ้องโจทหาว่าชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกาย
ค. ครั้นต่อมา เด็กชายพร้า เด็กชายตอ เด็กชายสนิธ นายแป๊ะ นายวัน นายทิมพ์ เอกความที่รู้หยู่ว่าเท็ดมาเบิกควาไนข้อสำคันที่สาลว่า โจทกับพวกเปนผู้ร้ายชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายนายแป๊ะ ตามข้อความที่ปรากตไนข้อ ข. ข้างต้นอีก
จำเลยไห้การปติเสธ ต่อสู้ว่าฟ้องโจทเคลือบคลุม
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วพิพากสายกฟ้องโจท
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสาโทส นายทิมพ์ นายแป๊ะ นายเย็น นายเช้า ตามมาตรา ๒๕๔ ตามฟ้องข้อ ก. และนายเย็น นายหลุย นายเหลือง นายตุ้ม นายแป๊ะ นายเช้า ตามมาตรา ๑๕๘ ตามฟ้องข้อ ข. และ นายแป๊ะ นายวัน นายทิมพ์ ตามมาตรา ๑๕๖ ตามข้อ ค. จำเลยนอกจากนี้ไห้ยกฟ้องปล่อยตัวไป
จำเลยที่ถูกลงโทสดีกา สาลดีกาเห็นว่าตามฟ้องโจทอาดแบ่งการกะทำผิดที่กล่าวหาจำเลยออกได้เปนหย่างคือ
๑. ว่าจำเลยทำร้ายร่างกาย
๒. ว่าจำเลยร้องเรียนเท็ดเรื่องโจทเปนผู้ร้ายลักโคและเบิกความเท็ดไนเรื่องนั้น
๓. ว่าจำเลยร้องเรียนเท็ดว่า โจททำร้ายนายแป๊ะและเบิกความเท็ดไนเรื่องนั้น
สาลดีกาคงวินิฉัยปัญหาไนข้อสามโดยวิเคราะห์ดูฟ้องโจทไหเรื่องนี้แล้ว เห็นว่าเปนหน้าที่โจทจะต้องกล่าวสแดงมาไนฟ้องไห้ประจักส์ว่าความจิงไนเรื่องนั้นเปนหย่างไร อันจะเปนเหตุสแดงไห้เห็นว่าจำเลยได้รู้หยุ่ว่าความที่กล่าวเปนความเท็ด ตามที่โจทบันยายกล่าวรวม ๆ มาไหฟ้องที่ว่าจำเลยแจ้งและเบิกความเท็ดโดยข้อความหลายหย่างหลายประการนั้น ไม่ทำไห้จำเลยเข้าไจข้อหาได้ดีพอสมควนว่า จำเลยได้รู้หยู่แล้วว่าความเท็ดมีหยู่ไนตอนไดข้อไดและเท็ดอย่างไร สาลดีกาเห็นว่าไนข้อหาของโจทกเรื่องร้องเรียนเท็ดและเบิกความเท็ดฉเพาะไนเรื่องที่ว่า โจททำร้ายนี้ฟ้อง+มีข้อเท็ดจิงแต่ว่าจำเลยได้แจ้งความและเบิกความหย่างว่าเท่านั้น ไม่มีข้อเท็ดจิงและรายละเอียดที่ว่าความจิงไนเรื่องนั้นเปนหย่างไร ฟ้องโจทจึงไม่ถูกต้องตามประมวนวิธีพิจารนาความอาญามาตรา ๑๕๘ จึงพิพากสาแก้ไห้ลงโทสนายทิมพ์ นายแป๊ะ นายเย็น นายเช้า จำเลยตาม ม.๒๕๔ จำคุกคนละ ๑ เดือนแต่เพียงกะทงเดียว ข้อหาอื่นไห้ยกเสีย.

Share