แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไม้สักซึ่งเลื่อยเปนแผ่นแล้วย่อมไม่เข้าหยู่ไนข้อสันนิถานตามข้อ 5 พ.ร.บ.ป้องกัน การลักลอบชักลากไม้สักที่ยังไม่ได้เสียค่าตอและภาสี 118 เพราะเปนไม้ที่เปลี่ยนสภาพแล้ว
ย่อยาว
โจทฟ้องว่า เจ้าพนักงานตรวดพบไม้สักตกหยู่ไนครอบครองของจำเลยรวม ๓๖๐ แผ่นเปนไม้ที่เลื่อยจากต้นสัก ๘ ต้นไม่มีดวงตราของเจ้าพนังงานป่าไม้สแดงว่าเสียเงินค่าตอพาสีและภาคหลวงประจำต้นแต่หย่างไร ทั้งนี้ถือได้ว่าจำเลยบังอาดชักลากไม้สักดังกล่าวออกจากป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอไห้ลงโทส
จำเลยไห้การปติเสธและแถลงว่าไม้ที่เจ้าพนักงานจับได้จากจำเลย เปนไม้ที่ซื้อมาจากผู้มีชื่อหลายคน
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้ววินิฉัยว่า จะนำข้อ ๕ แห่งพ.ร.บ. ป้องกันการลักลอบชักลากไม้สักที่ยังไม่ได้เสียค่าตอและภาสี ๑๑๘ มาใช้บังคับไม่ได้ เพราะมีสภาพเปนแผ่นกะดานแล้ว ไม่ไช้ต้น พิพากสายกฟ้อง
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่าจำเลยนำสืบไม่ได้ว่า ได้รับอนุญาตไห้ทำการชักลากไม้สักออกจากป่าหรือเจ้าพนักงานได้ตีตราค้อนเหล็กตามพ.ร.บ.แล้ว จำเลยต้องมีผิดตามฟ้องจึงพิพากสากลับว่าจำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการลักลอบชักลากไม้สักที่ยังไม่ได้เสียค่าตอและภาสี ร.ส.๑๑๘ ข้อ ๒,๓,๕
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าเรื่องนี้ไนฟ้องโจทกล่าวว่า เจ้าพนักงานตรวดพบไม้สักตกหยู่ไนความครอบครองจำเลย ๓๖๐ แผ่นเปนไม้สักที่เลื่อยจากต้นสัก ๘ ต้น โจทมิได้มีพยานสแดงว่าต้นสักที่หาว่าจำเลยเลื่อยนั้นมีขนาดหย่างไรและมีตราประทับหรือไม่ และที่ว่า ๘ ต้นก็เพียงแต่โดยประมานและไม้รายนี้ได้ถูกเลื่อยเปนแผ่นกะดานเปลี่ยนสภาพไปแล้ว จะไห้ลงสันนิถานว่า จำเลยเปนผู้ชักลากไม้สักต้นออกจากป่ามาเลื่อยเปนแผ่นกระดานดังที่บัณณัติไว้ไนข้อ ๕ แห่งพระราชบัณณัติป้องกันการลักลอบชักลากไม้สักที่ยังไม่ได้เสียค่าตอและภาสี ร.ส.๑๑๘ เปนการสันนิถานไปไกลมากไม่บังคาน ส่วนข้อต่อสู้จำเลยที่ว่าซื้อไม้สักจากผู้มีชื่อมาเลื่อยนั้น จำเลยก็มีผู้ขายบางคนมาสืบและแม้จำเลยจะสืบไม่สมก็ไม่ทำไห้จำเลยเปนผิดขึ้น เพราะจะไช้ข้อสันนิถานตามมาตรา ๕ ที่กล่าวแก่จำเลยไม่ได้ จึงพิพากสากลับ ไห้บังคับคดีตามคำพิพากสาสาลชั้นต้น