แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนี้ร่วมซึ่งลูกหนี้คนหนึ่งยกอายุความขึ้นต่อสู้ย่อมเปนคุณแก่ลูหนี้ร่วมอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ด้วย
ย่อยาว
โจทฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทไป ๑,๑๒๐ บาทเมื่อวันที่ ๔ กรกดาคม ๒๔๖๙ ไห้โฉนดที่ ๒๙๕๑ ไว้เปนประกัน ขาดส่งออกเบี้ยตั้งแต่ปี ๒๔๘๑ ขอไห้ไช้ต้นเงินกับดอกเบี้ยรวม ๓ ปี
นายไยจำเลยไห้การว่า จะได้กู้เงินโจทหรือไม่ ไม่ซาบ เพราะนานตั้ง ๑๐ ปีไม่เคยส่งดอกเบี้ยเลย และตัดฟ้องว่าคดีโจทขาดอายุความ ทั้งสัญญากู้เปนโมคะ
นางผาดจำเลยให้การว่า ไม่เคยกู้เงินโจท โฉนดรายนี้จำเลยมีชื่อร่วมกับนายไยหลานชาย จำเลยซาบพายหลังว่านายไยนำเอานางบุญภริยานางไยไปปลอมชื่อว่าเปนจำเลยไปกู้เงินโจท จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วฟังว่า จำเลยทั้งสองได้กู้เงินโจทไปจิง แต่ขาดส่งดอกเบี้ยมาเกิน ๑๐ ปี นายไยจำเลยไม่ต้องรับผิดส่วนนางผาดจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้จึงไม่ได้รับประโยชน์จากอายุความ แต่เห็นว่าจำเลยทั้งสองรวมกันกู้ จำเลยต้องมีส่วนไช้หนี้ไห้โจทคนละครึ่งตามป.พ.พ.ม.๒๙๐ จึงพิพากสาไห้นางผาดจำเลยไช้ต้นเงินและดอกเบี้ยครึ่งหนึ่งรวม ๘๑๒ บาท ข้อหาของนายไยไห้ยก
นางผาดจำเลยอุทธรน์ สาลอุทธรน์คงพิพากสายืนตาม
นางผาดจำเลยดีกาว่า หนี้รายนี้เปนหนี้ร่วม เมื่อลูกหนี้ร่วมคนหนึ่งยกอายุความขึ้นต่อสู้ย่อมไช้ได้ตลอดถึงลูกหนี้อีกคนหนึ่งด้วย
สาลดีกาเห็นว่าคดีนี้นางผาดนายไยเปนจำเลยร่วมกัน มูลกรณีเปนเรื่องชำระหนี้และเปนลูกหนี้ร่วมจะแบ่งแยกจากกันมิได้ ฉนั้นการที่นายไยจำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้จึงต้องถือเสมือนหนึ่งว่าได้ทำแทนนางผาดจำเลยด้วยดังบัญญัติไว้ในมาตรา ๕๙(๑) ประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความแพ่ง เมื่อข้อเท็จจริงปรากตุว่าคดีของโจทขาดอายุความ นายไยจำเลยไม่ต้องรับผิดดั่งกล่าวแล้ว นางผาดจำเลยก็ไม่ต้องรับผิดด้วย จึงพิพากสาแก้ไห้ยกฟ้องโจทตลอดถึงนางผาดจำเลยด้วย