คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ของโจทก์ ในวันชี้สองสถานทนายโจทก์จำเลยรับกันว่าที่พิพาทนี้แปลงเดียวกับที่นายฮงเฮงเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ซึ่งอยู่ในระหว่างฎีกา ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ในคดีนี้เป็นผู้ชนะคดี โดยฟังว่าโจทก์ในคดีนี้เป็นเจ้าของที่ดินรายพิพาท ในวันสืบพะยาน จำเลยรับว่านายฮงเฮงในคดีโน้นเป็นนายฮงเฮงที่จำเลยว่าเช่าที่ดินในคดีนี้มา และคำเบิกความของนายมานะพะยานโจทก์ในคดีโน้น ก็คือตัวจำเลยในคดีนี้ ซึ่งจำเลยเบิกความในคดีโน้นก็รับว่าได้เช่าที่ดินรายนี้จากโจทก์ ดังนี้ ย่อมเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยได้เช่าที่ดินรายนี้จากโจทก์ ข้อเถียงกรรมสิทธิของจำเลยย่อมฟังไม่ขึ้น
จำเลยครอบครองที่พิพาทมาโดยอาศัยสิทธิการเช่า จะอ้างว่าได้กรรมสิทธิโดยการครอบครองไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่นาแปลงหนึ่ง จำเลยได้ทำสัญญาเช่าที่นาแปลงนี้ เนื้อที่ ๑ ไร่ ๒ งาน เพื่อใช้เป็นที่ปลูกบ้านและทำสวน จำเลยค้างชำระค่าเช่าและทำให้ที่เช่าเสียหายเป็นการผิดสัญญาเช่า จึงขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเดิมเป็นของขุนอนุรักษ์ยกให้จำเลยทำสวน จำเลยครอบครองมา ๒๐ ปีแล้ว ต่อมานางผ่อนรับมฤดกขุนอนุรักษ์ แล้วขายให้นายฮงเฮง โจทก์ในคดีนี้ไม่เคยเข้าเกี่ยวข้อง สัญญาเช่าที่โจทก์นำมาฟ้อง พวกของโจทก์ได้หลอกลวงให้จำเลยทำ เป็นโมฆะ ศาลได้สั่งให้เจ้าพนักงานทำแผนที่พิพาท โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เพิ่งทราบเมื่อเป็นพนักงานไปทำแผนที่พิพาทว่า นอกจากจำเลยผิดสัญญาเช่าแล้ว จำเลยยังอ้างสิทธิครอบครองโต้แย้งกรรมสิทธิของโจทก์ นอกจากบริเวณที่เช่าไปอีกบางส่วน จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินตอนนั้นด้วย จำเลยให้การแก้ฟ้องเพิ่มเติมว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โดยไม่ระบุวันเดือนปีที่จำเลยบุกรุก หากถือว่าบุกรุกตามวันในสัญญาเช่า คดีก็ขาดอายุความ เพราะเป็นที่ดินมือเปล่า
ในวันชี้สองสถาน ทนายโจทก์จำเลยรับกันว่า ที่ดินที่พิพาทเป็นที่แปลงเดียวกับที่นายฮงเฮงเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างฎีกา จึงขอให้ศาลรอไว้เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแล้ว ให้โจทก์ในคดีนี้ชนะคดี โจทก์จึงขอให้ดำเนินคดีต่อไป ในวันสืบพะยาน จำเลยแถลงรับว่า นายฮงเฮงโจทก์ในคดีแดง ๔๓/๒๔๘๔ เป็นนายฮงเฮงที่จำเลยว่าเช่าที่ดินในคดีนี้ และคำเบิกความนายมานพะยานโจทก์ในคดีนั้น ก็คือนายมานจำเลยในคดีนี้ ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพะยานบุคคลในประเด็นเรื่องกรรมสิทธิที่ดินรายพิพาท ส่วนในเรื่องค่าเสียหายโจทก์ไม่ติดใจสืบ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คำพิพากษาฎีกาในคดีที่โจทก์เป็นจำเลยของนายฮงเฮงนั้น ศาลฟังว่า โจทก์ในคดีนี้เป็นเจ้าของที่ดินรายพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยเข้าเบิกความเป็นพะยานของนายฮงเฮงในคดีนั้นก็รับว่า ได้เช่าที่ดินรายนี้จากโจทก์ในคดีนี้ จึงฟังได้ว่า จำเลยได้เช่าที่ดินรายพิพาทจากโจทก์ตามสัญญาเช่า พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาท ให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากที่เช่าของโจทก์ คำขอนอกนั้นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยแถลงรับต่อศาลดังกล่าวแล้ว จำเลยจะมาเถียงว่าที่พิพาทรายนี้ตอนที่เป็นสวนอยู่นอกเขตต์ที่พิพาทในคดีก่อน ฟังไม่ขึ้น และเมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าตลอดมา ก็หาเกิดสิทธิในทางครอบครอบไม่
พิพากษายืน

Share