แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุซึ่งทำต่อกรมการอำเภอเป็นหนังสือสำคัญธรรมดา. ทำหนังสือปลอมขึ้นโดยตั้งใจ แม้ไม่มีเจตนาทุจริต ก็เป็นความผิดฐานปลอมหนังสือ
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าเดิมนายเชียงกี่ทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุต่อกรมการอำเภอ นายเชียงกี่ไปที่อื่น ให้จำเลยที่ ๒ รับช่วงที่ดินรายนี้ระหว่างกันเอง เนื่องจากเหตุนี้จำเลยที่ ๒ จึงเอาหนังสือสัญญาเช่าที่ดินมาให้จำเลยที่ ๑ แก้ไขตกเติมโดยเพิ่มเติมคำว่า นายเชียงกี่เป็นนายอิวจี่ แซ่เล้า (จำเลยที่ ๒) คำว่า ๒๙ พฤษภาคมเป็น ๑ กรกฎาคม แก้ลายมือชื่อภาษาจีนเชียงกี่เป็นอิวจี่ เติมคำว่าคนที่ ๒ ลงท้ายคำผู้รับเช่า เติมคำว่า สกุล มาสรัตน์ (จำเลยที่๑) ลงในช่องพยานท้ายหนังสือสัญญาเช่านั้น ซึ่งจำเลยที่ ๑ ไม่มีอำนาจที่จะแก้ไข ต่อมาจำเลยที่ ๒ นำสัญญาเช่าไปยื่นต่อกรมการอำเภอเพื่อขอเปลี่ยนทำหนังสือสัญญาเช่าต่อไปใหม่ เจ้าพนักงานสอบกับคู่ฉบับที่อำเภอ จึงรู้ว่าสัญญานั้นได้แก้ไขตกเติมขึ้น ศาลชั้นต้นเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเสียหายแก่ทางราชการพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๒ ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๒๔,๒๒๗ ส่วนจำเลยที่ ๑ โจทก์สืบไม่ได้ว่าได้ทำไปโดยเจตนาทุจริต ให้ปล่อยตัวไป
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าหนังสือสัญญาชนิดนี้เป็นหนังสือสำคัญธรรมดาและการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้เกิดเสียหายแก่ทางราชการดังศาลชั้นต้น และเมื่อเช่นนี้การกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงครบเป็นองค์ความผิดฐานปลอมหนังสือ พิพากษาแก้เฉพาะจำเลยที่ ๑ ว่าผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๒๔
จำเลยที่ ๑ ฎีกาศาลฎีกาเห็นว่าปัญหาว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวจะมีผิดฐานปลอมหนังสือหรือไม่ ตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๒๒๒ มีหลักเกณฑ์ที่ถึงสังเกตุคือ (๑) ปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือส่วนใดส่วนหนี่ง หรือเติมข้อความ ตัดทอนข้อความ หรือแก้ไขในหนังสือที่แท้จริงหรือประทับตราปลอม ลงลายมือปลอม (๒) อาจเสียหาย การกระทำของจำเลยที่ ๑ ครบองค์ดังกล่าวแล้วคือ ๑. ได้แก้ชื่อนายเชียงกี่เป็นนายอิวจี่เป็นผู้เช่าและขีดค่าตกเติมอีกหลายแห่งโดยตนมิได้มีอำนาจและหน้าที่ที่จะทำได้ ๒.ทางราชการซึ่งคู่สัญญากับนายเชียงกี่อาจเสียหาย ดังนั้นจำเลยที่ ๑ จึงมีผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา ๒๒๒ ซึ่งบัญญัติโทษฐานปลอมหนังสือชนิดนี้ไว้ในมาตรา ๒๒๔ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์