คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแขวงไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ คำสั่งของศาลแขวงที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด จำเลยจะอุทธรณ์ฎีกาว่า ผู้ว่าคดีโจทก์ฟ้องคดีพ้นระยะเวลาตามที่ กำหนดไว้ใน มาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. 2499 โดยไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. นั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ หาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)

ย่อยาว

คดีนี้ศาลแขวงพระนครใต้ทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีมีมูลและประทับฟ้องส่งสำนวนให้อัยการดำเนินการ
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้พ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา ๗ แห่ง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงฯ พ.ศ. ๒๔๙๙ และไม่มีการขอและรับอนุญาตจากอธิบดีกรมอัยการตาม มาตรา ๙ แห่ง พ.ร.บ. นั้น ขอให้กลับคำสั่งศาลแขวงพระนครใต้ ให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลแขวงพระนครใต้สั่งอุทธรณ์นั้นว่าคดีนี้ศาลว่าคดีมีมูลแล้ว ย่อมเด็ดขาดตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๐ จึงสั่งไม่รับอุทธรณ์ศ
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า คำสั่งของศาลให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาดตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๐ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งในข้อกฎหมายหรือในข้อเท็จจริงก็ตาม จำเลยจึงอุทธรณ์คำสั่งศาลในข้อนี้ไม่ได้ ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า คดีนี้ศาลแขวงพระนครใต้ได้มีคำสั่งว่า คดีมีมูล คำสั่งดังกล่าวย่อมเด็ดขาด กล่าวคือ อุทธรณ์ฎีกาต่อไปไม่ได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๐ ฎีกาของจำเลยที่ว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องนี้จึงฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

Share