คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1067/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขายของรับเงินราคา+ผู้ซื้อแล้วเอาธนบัตร์ปลอมขนให้ผู้ซื้อไปดังนี้ จำเลยไม่มีความผิดฐานยักยอกประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.179,218,220 การที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีไปเพราะไม่มีพะยานมาศาลในวันนัดหรือไม่นั้นเป็นข้อดุลยพินิจของศาลแล้วแต่จะเห็นสมควร อุทธรณ์ฎีกา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม ม.204,314 ให้รวมกะทงลงโทษจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตาม ม.204 จำคุก 9 เดือนกะทงเดียวดังนี้ คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้+ดุลยพินิจของศาลเป็นปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

อ.ไปซื้อของที่ร้านจำเลยเป็นราคา ๓.๒๐ บาท ส่งธนบัตร์ชนิด ๑๐ บาทให้จำเลย จำเลยเอาธนบัตร์ชนิด ๕ บาทปลอมทอนให้ อ.
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๐๔ กะทงหนึ่ง ม.๓๑๙ (๓) อีกกะทงหนึ่งให้รวมโทษจำเลย ๑ ปี
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า อ.ได้มอบกรรมสิทธิในธนบัตร์ ๑๐ บาทให้จำเลยโดยตรงเพื่อชำระหนี้ ไม่ใช่มอบหมายเพื่อให้จำเลยไปทำธุระให้ อ.จึงไม่เข้าลักษณความผิดฐานยักยอก พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานใช้ธนบัตร์ปลอมกะทงหนึ่งเดียว ๙ เดือน
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าตามฎีกาของจำเลยที่คัดค้านเรื่องศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีนั้นเห็นว่าการจะอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่ย่อมอยู่ในดุลยพินิจของศาลตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๗๙ ในคดีนี้แม้โจทก์จะไม่มีพะยานมาในวันนัดจะเป็นความผิดของฝ่ายใดก็ตามก็อยู่ในขอบเขตต์กฎหมายซึ่งให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจ เมื่อทั้ง ๒ ศาลยืนยันมาว่าควรให้โจทก์เลื่อนคดีได้เป็นข้อดุลยพินิจ ไม่ใช่ข้อกฎหมายจึงไม่เป็นข้อจะรับวินิจฉัยได้ ส่วนฎีกาโจทก์ที่ขอให้ลงโทษฐานยักยอกนั้น ในการที่เจ้าทรัพย์ส่งธนบัตร์ให้ทอนนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนกับของที่ได้ซื้อไปกับเงินทอน การที่เอาของปลอมหรือไม่มีคุณภาพดังสัญญามาให้ ไม่เป็นลักษณยักยอก พิพากษายืนให้ยกฎีกาโจทก์จำเลย

Share