คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้ผู้อื่น ภรรยารู้เห็นยินยอมด้วย ครั้นสามีถึงแก่กรรมแล้ว ผู้รับมฤดกเข้าครอบครองทรัพย์มฤดกเข้าครอบครองทรัพย์มฤดกต่อมาเช่นนี้ ภรรยาจะฟ้องเรียกสินเดิมสินสมรสจากกองมฤดกนั้นมิได้ ประมวลวิธีพิจารณาแพ่งม.94(ข) พินัยกรรม์มีว่าให้โจทก์เก็บผลประโยชน์จากที่ดินตามพินัยกรรม์ข้อ 3 อนุข้อ 2 อย่างเดียว จะขอสืบว่าผู้ทำพินัยกรรม์มีความประสงค์จะให้เก็บผลประโยชน์จากที่ดินในข้อ 3 อนุข้อ 1 มิได้

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์เป็นภริยา ป.เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๔ ป.ทำพินัยกรรม์ยกทรัพย์ให้แก่สามีจำเลยผู้บุตร์และบุตร์เลี้ยงของโจทก์ โดยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์ และตามพินัยกรรม์ให้โจทก์อาศัยและเก็บผลประโยชน์จากที่ดินที่โจทก์อยู่นั้น และสามีจำเลยต้องเป็นผู้เลี้ยงดูอุปการะโจทก์ด้วย ถ้าโจทก์ตายหรือมีสามีก็ให้ที่ดินตกเป็นของสามีจำเลย ครั้นเมื่อป. ถึงแก่กรรม สามีจำเลยได้รับทรัพย์และครอบครองตลอดมา โจทก์ก็คงอยู่ ณ บ้านเรือนตามพินัยกรรม์นั้น ครั้นสามีจำเลยวายชนม์ลงอีกโจทก์จึงมาฟ้องเรียกสินเดิมสินสมรสระหว่างโจทก์กับ ป.และผลประโยชน์ที่ดินตามบัญชีหมาย ๒ จนตลอดชีวิตร์
ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ว่าทรัพย์มฤดกทั้งหลายเหล่านั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิแก่สามีจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเพราะ ป.ได้ทำพินัยกรรม์โดยความยินยอมของโจทก์ และสามีจำเลยได้ครอบครองมาช้านานกว่า ๑๐ ปี ส่วนเรื่องค่าเลี้ยงดูที่ ป. สั่งให้ ๆ แก่โจทก์นั้นสามีจำเลยก็ได้ปฏิบัติตลอดมาจนถึงแก่กรรม จำเลยหาได้เป็นผู้รับคำสั่งไม่ ฟ้องของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น ที่ศาลล่างไม่ให้โจทก์สืบความประสงค์ของ ป.ว่ามีความประสงค์ยกผลประโยชน์ในที่ดินตามพินัยกรรม์ข้อ ๓ อนุข้อ ๑ นั้นชอบแล้ว เพราะพินัยกรรม์มีความชัดแล้วว่าให้โจทก์เก็บผลประโยชน์แต่ฉะเพาะที่ดินตามข้อ ๓ อนุข้อ ๒ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share