คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่ปรารถนาจะอุทิศที่ดินของตนให้เป็นสมบัติของศาลจ้าว ต้องยื่นเรื่องราวแสดงความปรารถนาเป็นลายลักษณ์อักษรมอบหมายให้แก่นายอำเภอผู้ปกครองท้องที่ จะทำหนังสือยกให้กันเองหาได้ไม่.

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ศาลได้พิจารณาพิพากษารวมกันมา
สำนวนแรก โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทและที่นอกพิพาทตามแผนที่ท้ายฟ้องพร้อมด้วยตัวอาคาร ได้ปกครองถือกรรมสิทธิ์มาหลายสิบปี ได้กั้นกำแพงเป็นเขตที่ดินโดยรอบ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับโฉนดที่พิพาทและนอกพิพาท จำเลยกับนายฮุยเซงคัดค้าน ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ อย่าให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง
นายเสีย แซ่จู จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยกับพวก จำเลยกับพวกได้ปกครองถือกรรมสิทธิ์มา โจทก์ไม่ได้ปกครอง อาคารในที่พิพาทโจทก์มิได้ปลูกสร้าง
สำนวนหลัง โจทก์ฟ้องว่า ศาลจ้าวกวนอูมีที่ดินในที่ตั้งศาลจ้าวตามแผนที่ท้ายฟ้อง เดิมตัวศาลจ้าวตั้งอยู่ตอนกลางของที่พิพาทตามเส้นสีแดง ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบันนี้ คณะกรรมการศาลจ้าวและโรงเรียนได้จัดหาเงินมาปลูกสร้างอาคารโรงเรียนขึ้นถวายให้แก่ศาลจ้าว ศาลจ้าวได้รับถวายและได้ครอบครองตลอดมา เมื่อโรงเรียนถูกปิด สมาคมฯ จำเลยได้ขออาศัยตึกชั้นล่างเป็นที่ทำการของสมาคมฯ ส่วนชั้นบนยังคงใช้ในกิจการของโรงเรียนตลอดมา ต่อมาจำเลยได้ร้องขอโฉนดที่ดินของศาลจ้าวตามเส้นสีแดง และยังขอเข้าไปในที่ของโรงเรียนทางด้านทิศใต้ตามแผนที่ท้ายฟ้อง ผู้จัดการศาลจ้าวและผู้จัดการโรงเรียนได้คัดค้านไว้ ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่ดินและอาคารโรงเรียนตามฟ้องเป็นของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่พิพาท
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทและนอกพิพาทเป็นของจำเลย ปกครองถือกรรมสิทธิ์มาหลายสิบปี ได้กั้นกำแพงไว้โดยรอบ โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้อง ตัวอาคารที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นผู้ปลูกสร้าง จำเลยไม่เคยอาศัยโจทก์ ศาลจ้าวไม่เคยตั้งอยู่ในที่พิพาท ผู้ฟ้องคดีแทนศาลจ้าวไม่ใช่ผู้จัดการศาลจ้าว ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า อาณาเขตของศาลจ้าวกวนอูมีอยู่เพียงเขตที่ตั้งศาลจ้าวอยู่ในปัจจุบันนี้เท่านั้น ที่พิพาทหมาย ก. เป็นของสมาคมพาณิชย์จีนนครศรีธรรมราชจำเลยในคดีที่ศาลจ้าวเป็นโจทก์ ส่วนที่พิพาทหมาย ข. เป็นที่ของสมาคมแต่ได้ถูกบุคคลภายนอกเข้าดำเนินกิจการและสร้างอาคารพิพาทขึ้นโดยพลการเป็นปฏิปักษ์กับสมาคมฯ เป็นเวลา ๑๐ ปีเศษ ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า สมาคม ฯ โจทก์ไม่ฟ้องเรียกคืนการครอบครองภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่ถูกแย่งการครอบครอง จึงขาดสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๗๕ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น เว้นแต่ที่ศาลชั้นต้นยกอายุความขึ้นวินิจฉัยว่าสมาคม ฯ โจทก์ขาดสิทธิเพราะไม่มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเกี่ยวกับบุคคลภายนอก พิพากษาแก้ว่าที่พิพาทหมาย ข. เป็นกรรมสิทธิ์ของสมาคม ฯ โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
นายเสีย แซ่จู จำเลยในสำนวนแรกและศาลจ้าวกวนอูโจทก์ในสำนวนหลัง ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทหมาย ก. และหมาย ข. รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างเป็นของสมาคมฯ โจทก์ ที่นายเสีย แซ่จู และนายซุยเฮง แซ่อึ่ง ฎีกาว่าได้ทำหนังสือยกที่แปลงหมาย ข. ให้แก่ศาลจ้าวแล้ว เมื่อปรากฏว่าที่พิพาทกับสิ่งปลูกสร้างเป็นของสมาคมฯ โจทก์แล้ว ผู้ใดหามีอำนาจที่จะเอาไปยกให้แก่ผู้อื่นไม่ อีกทั้งตามกฎเสนาบดีว่าด้วยกุศลสถานชนิดศาลจ้าว ออกตามความในพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ ข้อ ๕ ก็ระบุให้ผู้ที่ปรารถนาจะอุทิศที่ดินของตนให้เป็นสมบัติของศาลจ้าวยื่นเรื่องราวแสดงความปรารถนาเป็นลายลักษณ์อักษรมอบหมายให้แก่นายอำเภอผู้ปกครองท้องที่ จะมายกให้กันเองหาได้ไม่ ที่นายเสีย แซ่จู และศาลจ้าวกวนอูฎีกาว่า สมาคม ฯ หมดสิทธิฟ้องเรียกคืนการครอบครองนั้น เห็นว่า โจทก์มิได้ฟ้องเรียกคืนการครอบครองจากนายแกะซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดี ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นยกอายุความขึ้นปรับไม่ชอบนั้น ถูกต้องแล้ว ที่ฎีกาว่า สมาคม ฯ ได้เจตนาละทิ้งการครอบครองที่พิพาทไปแล้ว ที่พิพาทจึงตกเป็นของรัฐ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เห็นว่าไม่มีประเด็นวินิจฉัย
พิพากษายืน ยกฎีกาของนายเสีย แซ่จู และศาลจ้าวกวนอู.

Share