คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่มีชื่อในโฉนดกฎหมายย่อมสันนิษฐานว่าผู้นั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิร่วมอยู่ด้วยก็ดีผู้ที่สืบอำนาจมาจากผู้นั้นก็ดี เมื่อรู้เห็นแลมิได้ทักท้วงประการใดแล้ว จะมาร้องคัดค้านในภายหลังหาได้ไม่ ประมวลวิธีพิจารณาแพ่ง ม.177-249 ฟ้องแย้ง โจทก์ฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรมการโอนที่ดินซึ่งโจทก์มีกรรมสิทธิร่วมอยู่ด้วยจำเลยให้การว่าได้รับโอนมาโดยชอบด้วยกฎหมายแลมีอำนาจฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยสมคบกันหลอกลวง น.ย่าโจทก์ให้โอนโฉนดที่ดินซึ่งโจทก์มีกรรมสิทธิร่วมอยู่ด้วย ให้แก่จำเลยขอให้ทำลายการโอน
จำเลยให้การว่าได้รับโอนมาโดยชอบด้วยกฎหมาย แลฟ้องแย้งขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดิน
โจทก์ให้การคัดค้านว่าฟ้องแย้งผิดด้วยประมวลวิธีพิจารณา แลว่าแม้จะขับไล่สำเร็จก็ต้องรับซื้อโรงเรือนแลห้องแถวที่ปลูกลงไว้ตามราคา
ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินรายพิพาทเดิมมีชื่อปู่โจทก์อยู่ด้วย เมื่อปู่โจทก์วายชนม์แล้ว น.ยาโจทก์ได้แก้ทะเบียนใส่ชื่อ น. ลงในหน้าโฉนดแต่ผู้เดียว บิดาโจทก์ซึ่งอยู่ในที่ดินนี้ด้วยก็มิได้ทักท้วงประการใด แลยังปรากฎว่าเมื่อ น.ทำพินัยกรรม์แบ่งที่ดินให้แก่ลูกหลานบิดาโจทก์ก็รู้เห็นมิได้ทักท้วงประการใดเช่นเดียวกัน
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ในชั้นต้นต้องสันนิษฐานว่า น.เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ ตามพฤตติการณ์ถือได้ว่าบิดาโจทก์ได้รับรองกรรมสิทธิของ น.ในที่รายนี้ โจทก์ซึ่งสืบอำนาจมาจากบิดาหาอาจคัดค้านอย่างไรได้ไม่ แลข้อที่โจทก์อ้างว่า น.สติไม่ปกติถูกจำเลยหลอกลวงให้ทำนิติกรรมโอนที่ดินให้ โจทก์ก็สืบไม่สม ส่วนข้อที่คัดค้านว่าจำเลยไม่มีอำนาจฟ้องแย้งนั้น เห็นว่าคดีเป็นประเด็นเกี่ยวเนื่องกัน จำเลยชอบที่จะฟ้องแย้งได้ แลเห็นว่าข้อที่จำเลยร้องขึ้นมาในฎีกาขอให้จำเลยใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพราะสร้างโรงเรือนตามประมวลแพ่งฯ ม.๑๓๑๐ นั้น โจทก์มิได้ขอมาในท้ายคำให้การฟ้องแย้ง ศาลจะรับวินิจฉัยไม่ได้ตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ จึงพิพากษายืนตามศาลล่างทั้ง ๒ ที่พิพาทให้ยกฟ้องโจทก์แลให้โจทก์รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ออกจากที่ดินรายพิพาท

Share