แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินของโจทก์และจำเลยอยู่ติดกันและเป็นที่ดินมีแต่ใบไต่สวน โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตรงที่พิพาทอำเภอเปรียบเทียบแล้วตกลงกันไม่ได้ อำเภอสั่งให้ทั้งสองฝ่ายไปขอสอบเขต เมื่อปรากฏแน่แล้วว่าเป็นของใครก็จะคืนให้กัน และให้ฝ่ายรุกล้ำเสียค่าเสียหายเป็นข้าวคิดเป็นรายปี ได้ทำบันทึกข้อตกลงกันนี้ไว้ และจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับแต่นั้นตลอดมา การที่จำเลยยึดถือที่พิพาทนับแต่นั้นย่อมมิใช่เป็นการยึดถือเพื่อการแย่งครอบครอง โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องภายใน 1 ปี และในปีต่อ ๆ มาเมื่อโจทก์นำรังวัดและจำเลยคัดค้าน แม้จะเป็นการไม่ยอมรับนับถือสิทธิของโจทก์ แต่ก็มิใช่ถือเอาเป็นแน่ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทีเดียว แม้จะล่วงเลยมาหลายปี แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมให้สอบเขตตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงยกเอาเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมาตัดฟ้องว่าโจทก์ขาดอายุความไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่าที่ดินที่มีแต่ใบไต่สวนของโจทก์และจำเลยอยู่ติดกัน  ราวกลางปี พ.ศ. ๒๔๙๕  โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกเข้าทำนา  อำเภอเปรียบเทียบแล้วตกลงกันไม่ได้  ต่างฝ่ายต่างชี้เขตรุกล้ำที่ของกันและกัน  อำเภอสั่งให้ทั้งสองฝ่ายไปขอสอบเขต  ให้รู้เขตแน่ว่าใครรุกใคร  เมื่อปรากฏแน่แล้วว่าที่พิพาทเป็นของใครก็จะคืนให้  และให้ฝ่ายรุกล้ำเสียค่าเสียหายเป็นข้าวไร่ละ ๕ ถังต่อปี  ได้ทำบันทึกจดไว้โดยทั้งสองฝ่ายยินยอมตามที่ไกล่เกลี่ย  นับแต่นั้นตลอดมาจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาท  เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖  โจทก์นำช่างแผนที่รังวัดที่ของโจทก์  จำเลยคัดค้านว่ารังวัดรุกล้ำเข้ามาในที่พิพาทที่จำเลยครอบครองขอให้รังวัดที่ดินของจำเลยด้วย  เพื่อรู้เขตแน่นอนว่าของใครแค่ไหน  และขอให้เจ้าพนักงานช่วยระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์จำเลย  พ.ศ. ๒๔๙๙  พนักงานรังวัดไปรังวัดอีกครั้ง  ครั้งนี้ทำแผนที่พิพาทไว้ด้วยว่าจำเลยคัดค้านตรงไหน  แต่เรื่องก็เงียบกันมา  จนปี พ.ศ. ๒๕๐๑  โจทก์ยอมปักหลับเขตใหม่ตามรูปใบไต่สวนเดิมและรังวัดใหม่  จำเลยก็คงยอมให้รังวัดโดยจำเลยตจะไปดูเขตของจำเลยด้วย  จนถึง พ.ศ. ๒๕๐๒  ช่างแผนที่ออกไปรังวัด  จำเลยไม่ยอมให้รังวัด  โจทก์จึงฟ้องภายใน ๑
ปีนับแต่วันที่จำเลยไม่ยอมให้รังวัด  ขอให้พิพากษาแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท  ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า  จำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทมาแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๕  โจทก์ขาดอำนาจการครอบครองไปแล้วโดยมิได้ฟ้องร้องเรียกคืนภายใน ๑ ปี  นับแต่ถูกแย่งครอบครอง  ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความและจำเลยได้สิทธิครอบครอง  พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ศาลฎีกาเห็นว่า  การยึดถือที่พิพาทของจำเลยตั้งแต่วันทำบันทึกข้อตกลงกันชั้นอำเภอเป็นต้นไปนั้นมิใช่เป็นการยึดถือเพื่อแย่งการครอบครอง  เพราะการพิพาทเรื่องเขตนั้นก็คงพิพาทกันไป  ส่วนการทำนาคงทำไปพลางก่อนเท่าที่เคยทำมา  ยังไม่ถือเป็นแน่นอนว่าตรงนั้นเป็นของตน  โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องภายใน ๑ ปี  เพราะไม่มีการแย่งการครอบครองต่อไปแล้ว  และการที่ต่อมาจำเลยได้คัดค้านการรังวัดของโจทก์  แม้จะเป็นการไม่ยอมรับนับถือสิทธิของโจทก์ในที่พิพาท  แต่ก็มิใช่ถือเอาเป็นแน่นว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทีเดียว  ดังนั้น  ที่โจทก์ฟ้องคดีนี้  แม้จะล่วงเลยมาหลายปี  แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมให้สอบเขตตามข้อตกลงที่อำเภอนั้น  จำเลยจึงยกเอาเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมาตัดฟ้องว่าขาดอายุความไม่ได้

