คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ขอแก้ฟ้องเมื่อสืบพยานไป 1 ปากแล้วหาได้ไม่, บุคคลที่ได้ครอบครองที่ดินด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า + ปีจะยกเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วหาได้ไม่.
โจทย์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินโดยอ้างว่าซื้อมา+ จะไม่ระบุถึงวันที่รับซื้อ+ก็ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยได้รับซื้อไว้จากนายแมะเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๘๓ จำเลยได้บังอาจบุกรุกเข้าไปทำนาในที่รายนี้ โจทก์ได้ให้ผู้มีชื่อไปห้ามปรามจำเลยก็ไม่เชื่อฟัง เป็นเหตุให้โจทก์ขาดผลประโยชน์ขอให้ขับไล่
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินรายนี้นายแมะได้ขายให้จำเลยๆ เข้าครอบครองยึดถือเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์มาโดยเปิดเผยและโดยสงบรวมเวลาประมาณ ๒๔ ปีแล้ว แต่มิได้ทำสัญญาตามกฎหมาย
เมื่อศาลได้สืบตัวโจทก์ไป ๑ ปากแล้ว โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องว่าที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์ได้รับซื้อไว้จากนายแมะเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๘๓ นั้นผิดไป ความจริงเป็น พ.ศ.๒๔๓๘ จำเลยว่าโจทก์ขอแก้เมื่อสืบพยานแล้ว ๑ ปากผิดประเด็นของจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้โจทย์แก้ฟ้อง แล้วพิจารณาเห็นว่าประเด็นอยู่ที่ว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินรายพิพาทนี้จริงหรือไม่ ส่วนข้อที่ได้เป็นเจ้าของที่มีชื่อในโฉนดเมื่อใดเป็นข้อปลีกย่อย ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่โจทก์จะต้องนำสืบ ทั้งโจทก์จำเลยได้ตกลงกะประเด็นหน้าที่นำสืบไว้ก็ว่าให้โจทก์นำสืบแสดงกรรมสิทธิ์ซื้อขายที่ดินรายนี้และได้ครอบครองตลอดมา ฉะนั้นการที่โจทก์นำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ในเรื่องกรรมสิทธิ์ของโจทก์ก็เป็นการสืบตามประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว ไม่เป็นการนำสืบผิดหรือนอกประเด็น คำคัดค้านของจำเลยจึงตกไป ในที่สุดศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทนี้มาเกิน ๑๐ ปี กรรมสิทธิ์จึงเปลี่ยนมาอยู่แก่จำเลยตามกฎหมายแล้ว จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าแม้จะสืบว่าได้ปกครองมาเกิน ๑๐ ปีตามมาตรา ๑๒๙๙ วรรค ๒ ก็ต้องมีการจดทะเบียนคดีนี้ไม่ได้จดทะเบียนจะมีการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนไม่ได้และห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้แก่บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนแล้วซึ่งจำเลยสืบไม่สมว่า โจทก์ทุจริต จึงพิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โจทย์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลย ข้อที่ว่าโจทก์จะได้ซื้อไว้จากนายแมะเมื่อใดนั้น ถึงโจทก์จะอ้างหรือไม่ได้อ้างก็ไม่ทำให้ประเด็นเรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไป เพราะการฟ้องขับไล่นั้นเป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องนำสืบถึงเรื่องกรรมสิทธิ์ของโจทก์อยู่แล้ว ทั้งในฟ้องก็ได้อ้างโฉนดไว้แล้ว ซึ่งปรากฏชัดตามโฉนดว่าโจทก์ได้รับซื้อไว้จากนายแมะเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๗๘ และตามคำให้การของจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่า โจทก์มิได้รับซื้อไว้จากนายแมะ จะถือว่าโจทก์ฟ้องอย่างหนึ่งและนำสืบอีกอย่างหนึ่งหาได้ไม่
ส่วนในข้อกฎหมายถึงหากจะฟังว่าจำเลยครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมากว่า ๑๐ ปี ก็ดี สิทธิ์เช่นว่านี้จำเลยจะยกขึ้นยันได้ก็แต่เฉพาะนายแมะเท่านั้น จะยกขึ้นต่อสู้กับโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิ์โดยสุจริตแล้วหาได้ไม่ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share