แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขู่เจ้าทรัพย์ ว่าของที่เจ้าทรัพย์มีอยู่เป็นผิดกฎหมายจะต้องถูกปรับ ถ้าไม่อยากขึ้นโรงศาลก็ต้องให้ของและเงินแก่จำเลย ฝ่ายเจ้าทรัพย์กลัวจะถูกฟ้องจึงยอมให้เงินแก่จำเลยไม่ใช่เพราะกลัวถูกทำร้าย ดังนี้ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันทำการลักทรัพย์และใช้วาจาขู่เข็ญเจ้าทรัพย์เพื่อให้เป็นความสดวกในการที่จำเลยกับพวกจะเอาทรัพย์นั้นไป ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๙๓,๒๔๙,๗๑ และให้คืนหรือใซร้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์
จำเลยปฏิเสธ ส่วนของกลางต่อสู้กรรมสิทธิว่าเป็นของจำเลยแต่ละคนที่จับได้
ศาลชั้นต้นตัดสินว่า จำเลยสมคบกันลักทรัพย์โดยปลอมว่าทำการตามอำนาจอันชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่เป็นผิดฐานชิงทรัพย์ เพราะเป็นแต่ขู่ว่าไม่ให้ถึงโรงศาลจะต้องให้เงินแลซอง ให้จำคุกคนละ ๔ ปีตาม ม.๒๙๓ และใช้ราคาทรัพย์ ๑๔๐ บาท ๓๐ สตางค์แก่เจ้าทรัพย์ด้วย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า นายปั่น นายสันติคดีไม่มั่นคงพอจะให้ฟังว่าได้สมคบกับนายเชื้อนายอู๋จำเลย ส่วนนายเชื้อ นายอู๋จำเลยฟังว่าเจ้าทรัพย์ให้เงินแก่นายเชื้อนายอู๋เพราะกลัวจะถูกจับไปฟ้องศาลฐานมีของผิดกฎหมาย ดังนี้จะถือว่าจำเลยบังอาจเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปโดยมิได้รับอนุญาตอันเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยทั้งสี่ไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้อุบายขู่เจ้าทรัพย์ว่าของที่เจ้าทรัพย์มีอยู่นั้นผิดกฎหมายจะต้องถูกปรับ ถ้าไม่อยากขึ้นโรงศาลก็ต้องเสียเงินให้แก่จำเลย ฝ่ายเจ้าทรัพย์กลับจะถูกจับไปฟ้องร้องก็ยอมให้ของและเงินแก่จำเลยดังนี้รูปคดีหาใช่โจรลักทรัพย์หรือชิงทรัพย์ไม่ โดยเจ้าทรัพย์มิได้มอบให้แก่จำเลยเพราะกลัวจะถูกทำร้าย จึงพิพากษายืน