แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จะนำพยานบุคคลมาสืบแทนต้นฉบับเอกสารที่ว่าหายนั้นจะต้องไห้ได้ความว่าเอกสารนั้นหายไปหย่างไร และเก็บไว้ที่ไหน เพราะสาลจะรับฟังคำพยานเช่นนี้ก็ต่อเมื่อเอกสารหาไม่ได้เพราะสูญหายหรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัยเท่านั้น
ย่อยาว
โจทฟ้องขอไห้จำเลยชำระเงินตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินรวม ๕๙๔ บาท ๒๕ สตางค์
ไนวันชี้สองสถานโจทรับว่าหนังสือสัญญานี้เดิมไม่ได้ปิดอากรสแตมป์จิง เพิ่งปิดและขิดค่าเมื่อยื่นฟ้องนี้เอง ฝ่ายจำเลยว่าไปรับเงินตามข้อต่อสู้นั้นหายเสียแล้ว
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วเห็นว่าจำเลยสืบสมข้อต่อสู้ ฝ่ายโจทไม่มีพยานสืบหักล้าง เพราะโจททำผิดกะบวนพิจารนาโดยยื่นคำร้องขอระบุพยานโจทไนวันที่สืบพยานจำเลยเส็ดเปนการฝ่าฝืน ป.ว.พ. มาตรา ๘๘ พิพากสายกฟ้องโจท
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสากลับไห้จำเลยไช้ต้นเงินและดอกเบี้ยรวม ๕๙๔ บาท ๒๕ สตางค์
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่าคดีนี้ตามกดหมายจำเลยต้องมีพยานเอกสารสืบตามข้อต่อสู้ จำเลยอ้างว่ามีไบรับเงินซึ่งปิดอากรสแตมป์ถูกต้องตามกดหมาย แต่ไบรับเงินนั้นหายเสียแล้ว จึงนำสืบพยานบุคคลแทน สาลดีกาพิเคราะห์ดูคำพยานบุคคลที่จำเลยนำสืบแล้วเห็นว่า ไนข้อที่ว่าไบรับเงินหายไม่ปรากดว่าหายไปหย่างไร จำเลยเก็บไว้ที่ไหน ก็ไม่ได้ความซึ่งตาม ป.ว.พ. มาตรา ๙๓ ( ๒ ) สาลจะรับฟังพยานบุคคลแทนพยานเอกสารไหกรนีเช่นนี้ได้-แต่ฉเพาะเมื่อปรากดว่าเอกสารหาไม่ได้ เพราะสูญหายหรือถูกทำลายโดยเหตุสุดวิสัย นอกนั้นพยานหลักถานของจำเลยมีข้อบกพร่องจึงฟังหักล้าง หนังสือกู้ยืมของโจทไม่ได้ พิพากสายืนตามสาลอุธรน์