คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 984/2482

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาเช่าซื้อเป็นเงินไม่ถึง 100 บาทก็ต้องเสียอากรแสตมป์ 10 สตางค์
ข้าหลวงประจำจังหวัดมีอำนาจฟ้องเรียกค่าอากรแสตมป์ที่ไม่ปิดและที่ต้องเสียเพิ่มได้
เจ้าพนักงานเปรียบเทียบและปรับฐานไม่ปิดอากรแสตมป์และจำเลยได้ชำระค่าปรับไปแล้วนั้นไม่ตัดอำนาจเจ้าหน้าที่ที่จะฟ้องเรียกค่าอากรที่ขาดและที่ถูกเรียกเพิ่ม
กรณีที่โจทก์ชนะคดีเต็มตามฟ้องแต่ศาลให้ค่าธรรมเนียมเป็นพับไป

ย่อยาว

จำเลยได้ทำหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานไว้กับผู้มีชื่อเป็นเงิน ๓๕ บาท แต่ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์จนพ้น ๓ เดือนแล้ว เจ้าพนักงานได้เรียกร้องให้จำเลยเสียเงินเพิ่มอากรตามกฎหมายเป็นเงิน ๒๕ บาทหลายครั้งจำเลยไม่ยอมชำระให้ โจทก์ขอให้บังคับจำเลยเสียค่าอากรแสตมป์ ๑๐ สตางค์และเสียค่าอากรเพิ่มอีก ๒๕ บาท
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้าหลวงประจำจังหวัดมีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่เจ้าพนักงานเปรียบเทียบปรับจำเลยในทางอาญาไปแล้ว เป็นส่วนหนึ่งต่างหากจากหน้าที่ของจำเลยจะต้องรับผิดเสียค่าอากรเพิ่มในทางแพ่ง ไม่ทำให้จำเลยพ้นความรับผิดชอบในทางแพ่ง ดังที่จำเลยต่อสู้ แต่เห็นว่าสัญญาเช่าซื้อกันเพียง ๓๕ บาท ไม่ถึง ๑๐๐ บาทยังไม่ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ตามกฎหมาย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่า สัญญาเช่าซื้อทรัพย์สินราคา ๓๕ บาทก็ต้องเสียอากรแสตมป์
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพ.ร.บ.อากรแสตมป์ระบุว่า เช่าซื้อทรัพย์สินใด ๆ ทุกจำนวนเงิน ๑๐๐ บาทหรือเศษของ ๑๐๐ บาทแห่งราคาทั้งหมด ค่าอากรแสตมป์ ๑๐ สตางค์นั้นเศษของ ๑๐๐ บาท หรือไม่ถึง ๑๐๐ บาทก็ต้องเสียค่าอากร ๑๐ สตางค์ สัญญานี้จึงต้องเสียค่าอากร ๑๐ สตางค์ พ.ร.บ.อากรแสตมป์ (ฉะบับที่ ๔) พ.ศ.๒๔๗๙ มาตรา ๕ เจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกค่าอากรดพิ่มได้ตามมาตรา ๓ ข้อ ๒ ข. โดยให้เสียเงินเพิ่มอากรเป็นเงิน ๕ เท่าของจำนวนเงินอากรที่จำเป็นต้องปิดหรือเป็นเงิน ๒๕ บาทแล้วแต่อย่างใดจะมากกว่า ส่วนปัญหาอย่างอื่นเห็นพ้องด้วยศาลล่าง จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยเสียค่าอากรแสตมป์ ๑๐ สตางค์และเสียค่าอากรเพิ่มอีก ๒๕ บาท ค่าธรรมเนียมให้เป็นพับไป

Share