แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอหย่ากับจำเลย จำเลยให้การว่าโจทก์กับจำเลยได้หย่ากันแล้วโดยทำหนังสือหย่า ในชั้นสืบพยาน จำเลยย่อมอ้างได้ว่าเอกสารการหย่าสูญหายไป ขอนำสืบพยานบุคคลแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 (ก) โดยสืบให้ฟังได้ด้วยว่าจำเลยไม่สามารถนำเอกสารนั้นมาแสดงเสียแล้ว ทั้งนี้ โดยจำเลยไม่จำต้องกล่าวไว้ในคำให้การด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อ ๓๐ ปีเศษมานี้โจทก์จำเลยแต่งงานเป็นสามีภริยากัน โจทก์มีสินเดิม จำเลยไม่มีสินเดิม มีสินสมรสตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้อง เมื่อราว ๑๖ ปีมานี้จำเลยได้นางล้วนมาเป็นนางบำเรอ ไม่ให้โจทก์อยู่ร่วมกับจำเลย และหมิ่นประมาทโจทก์และวงศ์ตระกูลโจทก์ กับทำร้ายร่างกายโจทก์ ไม่อุปการะเลี้ยงดูโจทก์ ขับไล่โจทก์ให้ไปอยู่ที่อื่น โจทก์ไม่อาจเป็นสามีภริยากับจำเลยต่อไป ขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน และแบ่งสินสมรส
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสินเดิม จำเลยมีสินเดิม ทรัพย์บางอันดับไม่ใช่สินสมรส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ โจทก์กับจำเลยได้หย่าขาดกัน ได้ทำหนังสือหย่าเป็นหลักฐานซึ่งในการหย่านั้นโจทก์สละไม่เอาทรัพย์สินสมรสที่มีอยู่ ทรัพย์บางอันดับเกิดขึ้นระหว่างจำเลยกับนางล้วนเป็นสามีภริยากัน จำเลยไม่เคยหมิ่นประมาทหรือทำร้ายโจทก์ โจทก์จำเลยหย่าขาดกันแล้วไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดต่อกันอีก แม้ทรัพย์บางอันดับจะเป็นสินสมรสก็ขอแบ่งไม่ได้เพราะขาดอายุความแล้ว
ในชั้นชี้สองสถาน ศาลกะประเด็นนำสืบไว้ดังนี้
๑. โจทก์จำเลยยังเป็นสามีภริยากันอยู่หรือไม่
๒. จำเลยหมิ่นประมาทหรือทำร้ายโจทก์จริงหรือไม่
๓. โจทก์จำเลยมีสินเดิมหรือไม่
๔. ทรัพย์อันดับ ๒, ๓, ๔ เป็นสินสมรสหรือไม่
๕. คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลให้โจทก์นำสืบก่อน เมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว ถึงวาระจะสืบพยานจำเลย ศาลสอบถามจำเลยถึงเอกสารการหย่า จำเลยแถลงว่าหลักฐานดังกล่าวหายไป เพราะเป็นเวลานานมาแล้ว จำเลยจึงขอสืบพยานบุคคลแทนตามประเด็นข้อแรก ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๙๘ เมื่อจำเลยจะนำสืบถึงการหย่าโดยความยินยอม จะต้องมีเอกสารหลักฐานการหย่ามาแสดง แต่จำเลยแถลงว่าเอกสารหายไป และเหตุที่เอกสารหายไปจำเลยก็ไม่กล่าวไว้ในคำให้การ จึงไม่มีประเด็นที่จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้นี้ได้ จึงไม่อนุญาตให้จำเลยสืบแก้ในประเด็นข้อ ๑ และประเด็นข้อ ๔, ๕ ก็เป็นอันตกไปในตัว จึงให้สืบเฉพาะข้อ ๒, ๓ จำเลยได้แถลงโต้แย้งไว้ ในที่สุดศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดกัน ทรัพย์อันดับ ๑, ๒, ๓ และ ๔ เป็นสินสมรส ให้แบ่งให้โจทก์ ๑ ส่วน จำเลย ๒ ส่วน
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแก้เฉพาะให้เอาสินสมรสหักใช้สินเดิมของทั้งสองฝ่ายก่อนแบ่ง
จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลไม่อนุญาตให้จำเลยนำสืบพยานบุคคลแทนเอกสารหย่าที่หาย กับไม่อนุญาตให้สืบตามประเด็นข้อ ๔, ๕ เป็นการไม่ชอบ
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเอกสารหย่าสูญหายนั้นไม่ใช่ประเด็นในคดีที่โต้เถียงกัน ประเด็นโดยตรงที่พิพาทกันก็คือว่า โจทก์กับจำเลยได้ยินยอมหย่ากันแล้วโดยทำหนังสือหย่าดังที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้จริงหรือไม่ ส่วนข้อต่อสู้นี้จะมีพยานหลักฐานอย่างใดมาพิสูจน์บ้างนั้นเป็นรายละเอียดชั้นสืบพยาน จำเลยไม่จำต้องกล่าวไว้ในคำให้การ ฉะนั้น ข้อที่ว่าเอกสารการหย่าสูญหาย จะขอสืบพยานบุคคลแทนนั้น จึงไม่ต้องกล่าวไว้ในคำให้การด้วย เมื่อกรณีเป็นเรื่องเอกสารสูญหาย จำเลยก็มีสิทธิขอสืบพยานบุคคลแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ (ก) โดยสืบให้ฟังได้ด้วยว่าจำเลยไม่สามารถนำเอกสารนั้นมาแสดงเสียแล้ว ที่ไม่อนุญาตให้จำเลยสืบพยานบุคคลแทนเอกสารหย่าที่จำเลยอ้างว่าสูญหายนั้น ไม่เห็นพ้องด้วย และจำเลยย่อมนำสืบประเด็นข้อ ๔, ๕ ได้เช่นกัน พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลทั้งสองเสีย ให้สืบพยานจำเลยตามข้อต่อสู้แล้วพิพากษาใหม่