คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้จัดการร้านขายรถจักรยาน ได้เขียนใบส่งสิ่งของขึ้นเอง หรือสั่งให้คนให้ร้านทำขึ้นตามหน้าที่ของผู้จัดการ ไม่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เพียงแต่จำเลยทำเป็นหนังสือของจำเลยเอง อันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมหนังสือของผู้ใดอื่นเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ (อ้างฎีกาที่ 399/2485, 1411/2494)
ในคดีอาญาความผิดต่อส่วนตัวผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์แล้ว เพราะผู้ต้องหาจะยอมใช้เงิน ภายหลังผู้เสียหายจะกลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีก สิทธินำคดีมาฟ้องของผู้เสียหายย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2)

ย่อยาว

ได้ความว่า จำเลยที่ ๑ เป็นผู้จัดการร้าน ต. นคร ขายรถจักรยาน ๒ ล้อและเครื่องอาหลั่ยมีหน้าที่เขียนใบส่งของพร้อมทั้งสำเนาแสดงรายการสิ่งของชื่อและที่อยู่ของผู้ซื้อเชื่อ จำนวนเงินที่ซื้อเชื่อแล้วลงลายมือชื่อจำเลยที่ ๑ หรือผู้ที่จำเลยที่ ๑ ใช้ให้เขียนลงชื่อกำกับไว้ท้ายจำนวนเงินที่ซื้อเชื่อ แล้วมอบหรือนำไปซึ่งสิ่งของที่ซื้อเชื่อพร้อมทั้งสำเนาใบส่งให้ผู้ซื้อ เชื่อ รับไปเพื่อเป็นหลักฐานว่า ใบส่งของและสำนวนใบส่งของนั้นเป็นเอกสารแสดงหนี้สินระหว่างร้าน ต.นตร และผู้ซื้อเชื่อ ซึ่งความจริงเจ้าของร้านที่ปรากฏในใบส่งของไม่ได้สั่งหรือตกลงซื้อ และไม่ได้เซ็นรับสิ่งของต่างตามใบส่งของ สิ่งของตามในส่งของนั้น จำเลยที่ ๑ ได้เอาไปจากร้าน ต.นคร แล้วไปขายให้แก่ร้านค้าอื่น แล้วยักยอกเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ส่วนตัวจำเลยที่ ๒ เข้ามาพัวพันกับสิ่งของตามใบสั่งหมายเลข ๗ แต่จำเลยได้ชำระเงินให้ร้าน ต.นครแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองฐานปลอมหนังสือและยักยอก
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาเฉพาะจำเลยที่ ๑
ศาลฎีกาเห็นว่า ใบส่งของเป็นหนังสือที่จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้จัดการร้านต.นครทำขึ้นหรือเป็นหนังสือที่จำเลยที่ ๑ สั่งให้คนในร้านทำขึ้นมาหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นผู้จัดการ ไม่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้ใด เพียงแต่จำเลยทำเป็นหนังสือของจำเลยเอง อันมีข้อความเป็นเท็จเท่านั้น ไม่ได้ปลอมหนังสือของผู้ใดอื่นเลย จำเลยจึงยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ
สำหรับความผิดฐานยักยอกนั้น นางอนงค์ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์แล้วต่อมานางอนงค์ได้มาขอถอนคำร้องทุกข์ เพราะจำเลยที่ ๑ ยอมใช้เงิน แล้วต่อมานางอนงค์ได้กลับมาแจ้งความในเรื่องนั้นอีกหาได้ไม่ สิทธินำคดีอาญาส่วนตัวมาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๒๙ (๒)
พิพากษายืน

Share