คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ครัวไฟเป็นส่วนควบของเรือนใหญ่ เมื่อทำสัญญาขายฝากเรือน ย่อมหมายรวมถึงขายฝากทั้งครัวด้วย แม้ในสัญญาขายฝากจะระบุรายการไว้แต่เรือนหลังใหญ่เท่านั้นก็ตาม

ย่อยาว

ในชั้นบังคับคดีพิพาทกันฉะเพาะครัวไฟและเรือนรับแขกโดยเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากเรือนเลขที่ ๘๖ ที่รับซื้อฝากจากจำเลยหลุดเป็นสิทธิ ศาลพิพากษาให้ขับไล่ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยและบริวารไม่ยอมออกไปจำเลยต่อสู้ว่า ได้ออกจากเรือนพิพาทแล้วแต่ครัวไฟและเรือนรับแขกซึ่งปลูกอยู่ในแปลงเดียวกัน ไม่ใช่ทรัพย์ขายฝาก ปรากฎว่าจำเลยทำหลังคาคร่อมชานเดิมขึ้นเป็นเรือนรับแขกภายหลังขากฝาก หลังคาติดกับเรือนใหญ่ที่ขายฝาก เรือนใหญ่กับครัวมีชานแล่นถึงกันใช้บันไดเดียวกัน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้สัญญาขายฝากจะมิได้ระบุครัวและชานด้วยก็ถือว่าเป็นส่วนควบของเรือนที่ขายฝากตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๐๗ สั่งให้จำเลยและบริวารออกจากครัวและเรือนรับแขกใน ๑๕ วัน หลังคาเรือนรับแขกให้จำเลยรื้อไปได้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ครัวไม่ใช่ส่วนควบของเรือนเพราะแยกอยู่หลังหนึ่งต่างหาก ส่วนเรือนรับแขกเป็นส่วนควบของเรือนขายฝาก พิพากษาแก้ฉะเพาะเรื่องครัว
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่ว่าจะพิจารณาตามสภาพแห่งทรัพย์ หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น ครัวย่อมเป็นสาระสำคัญในการเป็นอยู่ของเรือนใหญ่ตามมาตรา ๑๐๗ ป.ม.แพ่งฯ ที่สัญญาขายฝากระบุรายการไว้แต่เรือนหลังใหญ่นั้นเป็นแต่เพียงระบุไว้ให้รู้ว่าเรือนใหญ่มีลักษณะเป็นอย่างไร ทั้งจำเลยไม่ได้โต้เถียงไว้แต่ต้น และในชั้นอุทธรณ์เลยว่าครัวนี้ปลูกขึ้นภายหลังเมื่อขายฝากกันแล้วเพิ่งมาเถียงในชั้นฎีกานี้
พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น

Share