คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การบรรยายฟ้องในข้อหาฐานเบิกความเท็จที่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๓ สาบานตัวเข้าเบิกความในการพิจารณาของศาลในคดีแพ่งแดงที่ ๓๐๐/๒๕๐๕ ว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ จำเลยที่ ๑ มีเงินฝากอยู่ที่ธนาคารนครหลวงสาขาตาคลี และจำเลยที่ ๑ ได้มอบสมุดเช็คอันมีชื่อจำเลยที่ ๑ ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายล่วงหน้าไว้ในเช็คให้แก่จำเลยที่ ๒ เพื่อใช้สั่งจ่ายเงินค่าข้าวโพดที่โจทก์นำมาขายให้แก่จำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เบิกความร่วมกันว่า ในเดือนตุลาคม ๒๕๐๓ จำเลยที่ ๒ ได้ออกเช็คตามสมุดเช็คของจำเลยที่ ๑ ดังกล่าว สั่งจ่ายเงินค่าข้าวโพดให้โจทก์และจำเลยที่ ๓ แล้วจำเลยที่ ๓ ยังได้นำเช็คไปรับเงินจากธนาคารนครหลวงสาขาตาคลี ได้เงินมา ซึ่งถ้อยคำเบิกความของจำเลยทั้ง ๓ เป็นเท็จ โดยรู้ว่าไม่ใช่ความจริง และเป็นข้อความสำคัญแห่งคดี แต่เมื่อคิดบัญชีได้เอาเงินในการออกเช็คของจำเลยที่ ๒ มาคิดรวมเงินของโจทก์ที่รับจากธนาคารแห่งนั้นด้วย จึงปรากฏเป็นเงินเกินตามเอกสารที่จำเลยที่ ๑ ใช้ฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ในคดีแพ่งดังกล่าวข้างต้น ขอให้ลงโทษตามมาตรา ๑๗๗,๑๘๐,๘๓,๘๔,๘๖
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องประกอบคดีแพ่งแดงที่ ๓๐๐/๒๕๐๕ แล้ว เห็นว่าฟ้องเคลือบคลุมทั้งข้อความเกี่ยวกับเช็คไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่ามิได้บรรยายระบุว่าเช็คกี่ฉบับ เลขที่เท่าใด ออกวันที่เท่าใด สั่งจ่ายเงินวันที่เท่าใด เงินฉบับละเท่าใด สั่งจ่ายให้เท่าใด อย่างไร ยากที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ ไม่เคยมีเช็ค และเบิกความลอย ๆ ไม่รู้ว่าเช็คเลขที่เท่าใด กี่ฉบับ เป็นเงินเท่าใด โจทก์ไม่สามารถกล่าวในฟ้องได้ และที่จำเลยที่ ๑ เบิกความว่าได้จ่ายเช็คและเงินสดให้โจทก์ ความจริงจำเลยที่ ๑ ไม่มีเงินฝากที่ธนาคารนครหลวง เช็คก็ไม่เคยจ่ายให้โจทก์เลย จำเลยที่ ๒ เบิกความว่า จำเลยเป็นผู้จ่ายเงินให้โจทก์หกเจ็ดหมื่นและชาวไร่ ความจริงจำเลยที่ ๒ มีหน้าที่ตรวจรับข้าวโพดจากโจทก์ และส่งให้จำเลยที่ ๑ เท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้จ่ายเงินให้โจทก์และชาวไร่เลย ที่จำเลยที่ ๒ เบิกความจึงเป็นเท็จ จำเลยที่ ๓ เบิกความว่าหน้าเช็คเป็นหนังสือจีน ข้างหลังเป็นลายเซ็นของโจทก์ แต่ความจริงจำเลยที่ ๑ ไม่เคยจ่ายเช็คของธนาคารนครหลวงให้โจทก์เลย ที่จำเลยเบิกความดังกล่าวเป็นเท็จ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๕๘(๕) แม้โจทก์ไม่สามารถบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับเช็คได้ดังฎีกาโจทก์ก็ตาม แต่จำเลยคนใดเบิกความเท็จในข้อใด โจทก์มิได้กล่าวให้ชัดแจ้ง ดังที่ยกขึ้นมาบรรยายในฎีกาเลย คงบรรยายรวม ๆ กันมาว่า จำเลยทั้ง ๓ เบิกความเท็จ และจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เบิกความร่วมกันเป็นเท็จเท่านั้น เป็นการยากที่จำเลยแต่ละคนจะเข้าใจข้อหาตามฟ้องของโจทก์ได้ดีว่าตนเบิกความในข้อใดบ้างที่เป็นเท็จ จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม พิพากษายืน.

Share