แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า  เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก  จำเลยมาสายไป  20  นาที  จะขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา  เจ้าพนักงานแจ้งว่า  ขายแล้ว  จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้  โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์อ้างเหตุว่า  ในวันขายทรัพย์ยังไม่หมดเวลาทำงาน  จำเลยมีความชอบธรรมที่จะนำเงินมาชำนะหนี้ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า  แม้ศาลขายทอดตลาดแล้ว แต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์  ยังมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายต่อกรมการอำเภอ  จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้  ดังนี้ วินิจฉัยว่า  จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นฎีกา  ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
คดีนี้  มีปัญหาในชั้นบังคับคดี  คือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่นาของจำเลยแปลงหนึ่ง  แล้วขายทอดตลาดไป  โจทก์เป็นผู้ประมูลได้ในราคา  ๒๘๐๐  บาท จึงขอตกลงขายให้แก่โจทก์ ๆ ได้วางเงินครบถ้วนแล้ว  ในวันเดียวกันนั้นเองหลังจากการขายทอดตลาดเสร็จไปแล้ว  จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลว่า  เจ้าพนักงานศาลขายทอดตลาดฝนกำลังตกหนัก  จำเลยมาสายไป  ๒๐ นาที  เข้าพบเจ้าพนักงานผู้ขาย  เพื่อขอชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษา  เจ้าพนักงานแจ้งว่า  ขายเสียแล้ว  จึงขอให้จำเลยวางเงินชำระหนี้ให้โจทก์และคืนทรัพย์ที่ยึดให้แก่จำเลย
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า  ศาลขายทอดตลาดตามกำหนดของศาลไปแล้ว  ไม่มีทางจะคืนทรัพย์หรือรับเงินจากจำเลยได้  ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์,  ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเห็นว่า จำเลยคัดค้านว่าที่ดินมีราคาสูงประมาณ ๖๐๐๐  บาท – ๗๐๐๐  บาท  การขายทอดตลาดมีผู้ปรัมูลไม่กี่คน  จำเลยไม่ทราบว่ามีการขายทอดตลาดวันไหน  เป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม มาตรา  ๒๔๘  ป.ม.วิ.แพ่ง  ส่วนที่คัดค้านว่า  แม้ศาลขายทอดตลาดแล้ว  แต่ทรัพย์ที่ขายเป็นอสังหาริมทรัพย์ยังมิได้ทำนิติกรรมการซื้อขายต่อกรมการอำเภอ  จำเลยชอบที่จะขอไถ่คืนทรัพย์ที่ขายได้นั้น  จำเลยเพิ่งมากล่าวในชั้นนี้++วินิจฉัย
จึงพิพากษายืน ++ จำเลย

