คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งใด ๆ ของศาลล่าง เมื่อไม่มีบทบัญญัติให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุดหรือบัญญัติห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาได้แล้ว คู่ความย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือฎีกา คัดค้านคำสั่งนั้นต่อศาลสูงได้ เมื่อเป็นกรณีที่อุทธรณ์ได้แล้ว ควรอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยได้ การที่สั่งให้ทุเลาการบังคับหรือให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนนั้น เมื่อมีอุทธรณ์มาสู่ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งได้ ไม่ใช่มีผลให้เพิกถอนคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่อย่างใด
ตามป.วิ.พ. มาตรา 209 ไม่ได้ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีในเมื่อมีคำขอให้พิจารณาใหม่ เพราะคำขออาจเป็นความจริงมีเหตุที่ควรให้พิจารณาใหม่ แต่ศาลยังจะต้องฟังพยานของอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน ถ้าไม่ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้บังคับคดีไว้ก่อนได้แล้ว คำร้องขอให้พิจารณาใหม่อาจไม่มีผล และเสียหายแก่ผู้ขอให้พิจารณาใหม่ได้ จึงย่อมอยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนก็ได้

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือน สพานและสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ออกไป กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๑๔๐,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นรับคำร้องและนัดไต่สวน ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๐๙, ๒๔๒ โจทก์ร้องคัดค้าน ศาลอนุญาตให้จำเลยหาผู้ค้ำประกันที่จะชำหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาท การที่จำเลยของดการบังคับคดีเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ ไม่เกี่ยวกับการขับไล่ขอให้หมายจับจำเลย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนโรงเรือน
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งและยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ และสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับดีว่า จำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาไม่มีเหตุจะทุเลาการบังคับให้ยกคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับ
จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์อีกฉบับหนึ่ง คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอทุเลาการบังคับว่าเป็นเรื่องของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งศาลชั้นต้นและขอให้รับคำร้องไว้พิจารณาต่อไป
ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ และรับคำร้องขอทุเลาการบังคับและได้สั่งทุเลาการบังคับ
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับแรกว่า จำเลยขอให้พิจารณาคดีใหม่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนสืบพยานจำเลย ระหว่างไต่สวนจึงต้องงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา ๒๐๙ ส่วนอุทธรณ์ฉบับหลังขอทุเลาการบังคับคดีไว้ก่อน อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้น ให้งดการรื้อถอนโรงเรือนและสพานออกจากที่ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำสั่งใด ๆ ของศาลล่าง เมื่อไม่มีบทบัญญัติให้คำสั่งนั้นเป็นที่สุดหรือบัญญัติห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาได้แล้ว คู่ความย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์ฎีกาคัดค้านคำสั่งนั้นต่อศาลสูงได้ เมื่อเป็นกรณีที่อุทธรณ์ได้แล้ว ก็อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยได้ เมื่อเป็นกรณีที่อุทธรณ์ได้แล้ว ก็อยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะวินิจฉัยได้ การสั่งให้ทุเลาการบังคับหรือให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนนั้น ไม่ใช่มีผลให้เพิกถอนคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้งดการบังคับไว้ก่อน จึงเป็นการชอบแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามป.วิ.พ. มาตรา ๒๐๙ ไม่ได้ตัดอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีในเมื่อมีคำขอให้พิจารณาใหม่ เพราะคำขออาจเป็นความจริงมีเหตุที่ควรให้พิจารณาใหม่ แต่ศาลยังจะต้องฟังพยานของอีกฝ่ายหนึ่งเสียก่อน ถ้าไม่ให้ศาลมีอำนาจสั่งให้บังคับคดีไว้ก่อนได้แล้ว คำร้องขอให้พิจารณาใหม่อาจไม่มีผล และเสียหายแก่ผู้ขอให้พิจารณาใหม่ได้ จึงย่อมอยู่ในอำนาจศาลที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนก็ได้
พิพากษายืน

Share