แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่ใช่ที่ดินที่มีโฉนดและไม่ใช่ที่บ้านที่สวน โจทก์ได้ขอจับจองที่พิพาทแล้วบุกเบิกทำเป็นนาในระหว่างที่ ผู้ร้องสอดได้ทิ้งร้างที่พิพาทนี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2492 โจทก์ได้เข้าครอบครองทำกินโดยสงบเปิดเผยและโดยเจตนายึดถือเป็นเจ้าของมาแต่ พ.ศ. 2495 จนถึงวันฟ้องคดีเป็นเวลา 5 ปี ผู้ร้องสอดเคยจับจองที่พิพาทไว้ แต่ได้ละทิ้งไปเสียนานเกือบ 10 ปี เช่นนี้ ผู้ร้องสอดย่อมหมดสิทธิในที่พิพาท
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์ได้ขอจับจองที่พิพาททำเป็นนาในระหว่างที่ผู้ร้องสอดได้ทิ้งร้างที่พิพาทหนี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๙๒ โจทก์ได้เข้าครองครองทำกินโดยสงบเปิดเผยและโดยเจตนายึดถือเป็นเจ้าของมาแต่ พ.ศ. ๒๔๙๕ จนถึงวันฟ้องคดีนี้เป็นเวลา ๕ ปี ผู้ร้องสอดเคยจับจองไว้ แต่ได้ละทิ้งไปเสียนายเกือบ ๑๐ ปี ผู้ร้องสอดได้ให้จำเลยเข้าทำนาในที่พิพาท โจทก์จึงฟ้องขับไล่
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้ขับไล่จำเลย ผู้ร้องสอดและบริวารออกจากที่พิพาท
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า เมื่อข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวข้างต้น ผู้ร้องสอดย่อมหมดสิทธิในที่พิพาทเพราะที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า ไม่ใช่ที่ดินที่มีโฉนด และไม่ใช่ที่บ้านที่สวน