คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เรื่องจำเลยออกเช็คไม่มีเงินต่อพนักงานตำรวจสถานีบางซื่อตามเอกสารคำร้องทุกข์ว่า ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้ผู้เสียหายจะเบิกความต่อศาลว่าไม่มีเจตนาจะให้เอาโทษจำเลย ขอให้ได้เงินคืนเท่านั้น และว่าเมื่อวันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้บอกตำรวจด้วยว่า ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่อยากให้เอาโทษ ตำรวจจึงยังไม่ได้สอบสวน เมื่อเห็นว่า จำเลยไม่คืนเงินจึงบอกให้ตำรวจจับจำเลย และได้เริ่มสอบสวนต่อไป เช่นนี้ ก็ยังถือได้ว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมายแล้ว คำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นนั้น หาแสดงว่าผู้เสียหายไม่เจตนาเอาโทษแก่จำเลยโดยแท้จริงไม่ เป็นแต่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนมากกว่า เมื่อไม่ได้เงินคืนจากจำเลย ก็ได้บอกให้ตำรวจจับจำเลยดำเนินการสอบสวนต่อไป เป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ผู้เสียหายต้องการเอาโทษจำเลยตามคำร้องทุกข์นั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คให้แก่นางเพ็ญศรี ให้ใช้เงิน ๓๖,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นจำนวนสูงกว่าที่มีในบัญชี และเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เหตุเกิดวันที่ ๑๗ ส.ค. ๒๕๐๐ ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานเมื่อวันที่ ๑๘ ต.ค. ๒๕๐๐ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้วสั่งงดสืบพยานจำเลยและวินิจฉัยว่า นางเพ็ญศรีเบิกความต่อศาลว่า การที่นางเพ็ญศรี แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนนั้น นางเพ็ญศรีมิได้ต้องการเอาโทษแก่จำเลยจริงจัง หากต้องการให้พนักงานสอบสวนเอาเงินคืนจากจำเลยให้เท่านั้น ทั้งยังให้จำเลยกู้เงินไปอีก ๑๕,๐๐๐ บาท พฤติการณ์เช่นนี้นางเพ็ญศรีไม่ต้องการร้องทุกข์ เพื่อให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีเอาโทษแก่จำเลย การร้องทุกข์และมอบคดีจึงไม่เป็นผลอะไร ถือได้ว่า ไม่มีการร้องทุกข์ภายใน ๓ เดือน ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้ว ผู้เสียหายต้องการได้เงินมากกว่าจะต้องการให้จำเลยรับโทษ ก็เพราะเป็นความผิดยอมความกันได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ได้เงินก็ให้ดำเนินคดีต่อไป การร้องทุกข์นั้นชอบด้วยกฎหมาย ภายใน ๓ เดือนไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาแล้ว คดีนี้นางเพ็ญศรีผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนตามเอกสาร ลงวันวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๐ ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้นางเพ็ญศรีจะเบิกความต่อศาลว่า ไม่มีเจตนาจะให้เอาโทษจำเลย ต้องการเงินคืนเท่านั้น และว่า เมื่อวันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้บอกตำรวจด้วยว่า ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่อยากให้เอาโทษ ตำรวจจึงยังไม่ได้สอบสวน เมื่อเห็นว่า จำเลยไม่คืนเงินจึงบอกให้ตำรวจจับจำเลย และได้เริ่มสอบสวนต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่า นางเพ็ญศรีได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมายแล้ว คำเบิกดังกล่าว หาแสดงว่านางเพ็ญศรีไม่เจตนาเอาโทษแก่จำเลยโดยแท้จริงไม่ เป็นแต่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนมากกว่า เมื่อไม่ได้เงินคืนจากจำเลย ก็ได้บอกให้ตำรวจจับจำเลยดำเนินการสอบสวนต่อไป เป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ต้องการเอาโทษจำเลยตามคำร้องทุกข์ลงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๐๐ นั้น คดีไม่ขาดอายุความ พิพากษายืน

Share