แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 100 เป็นบทบังคับกฎหมายพิเศษมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้เหมือนคดีแพ่งสามัญ มิใช่บทบังคับกฎหมายทั่วไปว่าในกรณีที่ลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายแล้ว ห้ามมิให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิใด ๆ เรียกร้องเอาดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่ฉะนั้นดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังคงมีสภาพเป็นหนี้อยู่ แต่จะเรียกร้องกันในคดีแพ่งสามัญได้เพียงไร ต้องพิจารณาตามบทบังคับของกฎหมายทั่วไป
ผู้ค้ำประกันซึ่งทำสัญญาผูกพันตนโดยไม่จำกัดความรับผิดนั้น ต้องรับผิดเสียดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วแทนลูกหนี้ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายพวน ตนานนท์กับนางบุญสม เฮงเซ่ฮง ได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาท โดยจำเลยได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันเงินกู้นี้ให้ไว้ ต่อมานายพวน นางบุญสมถูกฟ้องล้มละลาย จำเลยได้ขอให้โจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้ โจทก์ยื่นต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ได้รับส่วนเฉลี่ยมาเพียง ๓,๕๔๑.๐๑ บาทเท่านั้น หักแล้วจำเลยต้องชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ๗๖,๓๙๖.๔๙ บาท แต่จำเลยยอมจะชำระให้เพียง ๕๙,๖๕๙ บาท ๗๔ สตางค์เท่านั้น ขอให้บังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เพียง ๕๙,๔๗๙.๗๔ บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันพิพากษาไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จ
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา ๑๐๐ ที่บัญญัติไว้ไม่ให้ถือว่าดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เป็นหนี้ที่ขอรับชำระได้นั้น เป็นบทบังคับของกฎหมายพิเศษ มิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้เหมือนคดีแพ่งสามัญ เหตุที่บัญญัติเช่นนี้ก็เพื่อให้การจัดสรรปันส่วนแก่เจ้าหนี้ในคดีล้มละลายกระทำได้โดยสะดวกและไม่เป็นที่ยุ่งยากแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เท่านั้น หาใช่บทบังคับของกฎหมายทั่วไปว่าในกรณีที่ลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลายแล้ว ห้ามมิให้เจ้าหนี้ใช้สิทธิใด ๆ เรียกร้องเอาดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่ ดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ก็ยังคงสภาพเป็นหนี้อยู่นั่นเอง เพียงแต่จะขอรับชำระในคดีล้มละลายไม่ได้เท่านั้น ส่วนจะเรียกร้องกันในคดีแพ่งสามัญได้เพียงไร ก็ต้องพิจารณาตามบทบังคับของกฎหมายทั่วไป เมื่อยังคงเป็นหนี้อยู่โดยนัยนี้ก็ย่อมจะกล่าวไม่ได้ว่าดอกเบี้ยภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วได้ยุติลง และเป็นหนี้ที่ได้ระงับสิ้นไปเพราะลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์ และเมื่อกล่าวไม่ได้ว่าเป็นหนี้ที่ได้ระงับสิ้นไปเช่นนี้
กรณีก็ปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๙๘ ให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นความรับผิดไปดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระต้นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยที่ค้างชำระคิดเพียงวันฟ้อง ๒๖,๓๙๖.๔๙ บาท รวมเป็นเงิน ๗๖,๓๙๖.๔๙ บาทให้แก่โจทก์ และให้จำเลยเสียดอกเบี้ยในต้นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท ในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จด้วย